กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--ธปท.
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าขณะนี้ ธปท. ได้ผ่อนปรน หลักเกณฑ์การให้บริการบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ใหม่ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์คล่องตัวและสามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่ไม่ใช่ สถาบันการเงินได้ รวมทั้งไม่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดย ธปท. ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ถือบัตรหลักในการออก บัตรใหม่ต้องมีรายได้ที่ได้รับรวมกันทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 180,000 บาทต่อปี หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท โดยเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี จากเดิมที่กำหนดรายได้ไม่ต่ำกว่า 240,000 บาทต่อปี หรือเฉลี่ยต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ถือบัตรเสริมให้มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 22 ปี ซึ่งทางชมรมบัตรเครดิตได้ เสนอขอมาไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ ธปท. เห็นว่าไม่ เหมาะสมเพราะอายุน้อยเกินไป ซึ่งการนำบัตรเครดิตไปใช้อาจไม่ถูกต้องได้ จึงกำหนดให้ไม่ต่ำกว่า 18 ปี เท่านั้น รวมทั้งได้ผ่อนผันให้ผู้ถือบัตรรายเก่าที่สมัครก่อนวันที่ 1 มกราคม 2541 สามารถผ่อนชำระในอัตรา 5% ต่อเดือนของยอดคงค้างต่อไปได้อีก 1 ปี จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2544 จากเดิมที่กำหนดให้ผ่อนชำระในอัตรา 5% ได้ภายในสิ้นปี 2543 นี้เท่านั้น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป ผู้ถือบัตรรายเก่าจะต้องผ่อนชำระในอัตรา 10% โดยไม่มีการขยายเวลาให้อีกแต่อย่างใด
นางธาริษา กล่าวว่า การผ่อนผันดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบให้จำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) หรือธนาคารพาณิชย์มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ ต่างทราบดีและได้ปรับปรุงวิธีการให้อนุญาตบัตรเครดิตอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดเอ็นพีแอลมากขึ้น แต่ในส่วนของผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินนั้น ประชาชนที่จะเข้าไปใช้บริการคงต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ โดยเฉพาะการคิดอัตราดอกเบี้ยปรับ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพราะอาจจะสูงกว่าที่กำหนดไว้ถ้าหากมีการคิดในลักษณะทบดอกเบี้ย
ด้านแหล่งข่าวจากชมรมบัตรเครดิต กล่าวว่า การผ่อนผันของ ธปท. จะช่วยกระตุ้น ให้การให้บริการบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ กระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าเป็นการผ่อนผันที่ช้าไปบ้างก็ตาม โดยปัจจุบันยอดการใช้บัตรเครดิต ของธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 1.68 ล้านใบ จากที่ช่วงก่อนหน้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมีจำนวนถึง 2 ล้านใบ ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีอัตราเติบโตเลย ขณะที่ยอดการใช้บัตรเครดิตของผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบัน การเงินมีอัตราเติบโตมากกว่า 100% โดยในช่วงก่อนวิกฤติมีเพียง 5 แสนใบเท่านั้น แต่หลังจากเกิดวิกฤติมียอดการใช้สูงถึง 1.4 ล้านใบ--จบ--
-สส-
- พ.ย. ๒๕๖๗ เจเนอรัล เอเชียแบงก์ ประกาศชะลอแผนเปิดธนาคาร
- พ.ย. ๒๕๖๗ การลงนามในหนังสือเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจ "ความร่วมมือในการรวมกิจการและการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ใหม่"
- พ.ย. ๒๕๖๗ ไทยประกันชีวิตมอบเงินแก่มูลนิธิสายเด็ก 1387
- พ.ย. ๒๕๖๗ มูลนิธิสายเด็กฯจัด คอนเสิร์ตเดี่ยวไวโอลิน
- พ.ย. ๒๕๖๗ เชิญชมคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อระดมทุนสนับสนุนมูลนิธิสายเด็ก 1387