กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--โคลัมเบีย พิคเจอร์ส
ทีมสเปเชียล เอฟเฟ็กต์
ภารกิจสุดท้ายในการสร้างภาพลักษณ์ของภาพยนตร์เรื่อง Ghosts of Mars ตกอยู่ในมือของช่างแต่งหน้าสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ เกร็ก นิโคเตอโร่ นิโคเตอโร่กับช่างแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ของเขาต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละคืนเพื่อแปลงนักแสดงสตั๊นต์ และตัวประกอบชาวนิวเม็กซิโกให้กลายเป็นนักรบดาวอังคารที่ดูน่ากลัว เขายังต้องทำงานประสานไปกับคอสตูม ดีไซเนอร์ โรบิน บุช เพื่อสร้างชุดของนักรบเหล่านี้ด้วย
สิ่งที่ท้าทายนิโคเตอโร่มากเป็นพิเศษ ก็คือ การสร้างตัวละครที่ชื่อ บิ๊ก แด็ดดี้ มาร์ ผู้นำนักรบดาวอังคาร และต้องขอบคุณจินตนาการบวกฝีมือของนิโคเตอโร่ที่ทำให้บิ๊ก แด็ดดี้ ซึ่งรับบทแสดงโดย ริชาร์ด เซทรอน มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าประทับใจที่สุดของจอห์น คาร์เพนเตอร์
หลังจากห้าอาทิตย์ที่ถ่ายทำกันในนิวเม็กซิโกแล้ว ทีมงานได้ย้ายกลับไปที่ลอส แอนเจลิสเพื่อถ่ายทำฉากภายในร่มอีกห้าอาทิตย์ เมื่อการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นในนิวเม็กซิโกนั้น โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ บิลล์ เอลเลียตต์ต้องย้ายฐานปฏิบัติการของเขามาอยู่ที่ลอส แอนเจลิส โดยประจำอยู่ที่อีเกิลร็อค ภายในตึกห้าชั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าหลักของเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย เอดิสัน เอลเลียตต์ได้สร้างปาฏิหารย์ขึ้นมาอีกครั้ง ระหว่างห้าอาทิตย์ที่ถ่ายทำในนิวเม็กซิโก เอลเลียตต์และทีมงานของเขาได้สร้างฉากภายในอาคารที่ชายนิ่ง แคนยอนขึ้นจนเสร็จ
ฉากต่างๆ ที่รวมฉากภายในคุก ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุการต่อสู้ระหว่างกลุ่มตำรวจที่ผนึกกำลังร่วมกับผู้ร้าย สู้กับนักรบดาวอังคาร ยังประกอบไปด้วยฉากโรงงาน ซึ่งจะถูกใช้เป็นฉากที่หน่วยสวาทของกรมตำรวจชุดนี้พบศพที่โดนแขวนเอาไว้ทั้งสิ้น 25 ศพ (ซึ่งเป็นฝีมือของเกร็ก นิโคเตอโร่ และทีมงาน), ห้องสอบสวนที่เมลานี่ถูกซักฟอกถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชายนิ่ง แคนยอน และคลินิคประจำโรงพยาบาล
ฉากภายในต่างๆ เหล่านี้ยังคงยึดสไตล์การออกแบบยุคเครื่องจักรกลเหมือนเช่นเคย จำนวนเนื้อที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ทำให้เกิดปัญหาต่อการทำงานของแผนกต่างๆ ไม่น้อย ฉากการต่อสู้ระหว่างนักรบ 20 คนกับกลุ่มนางเอกของเรา ซึ่งจะต้องมีทั้งการยิงใส่กันและการระเบิด ใช้กล้องถ่ายทำทั้งสิ้นสามตัว ซึ่งถือว่าสร้างความท้าทายให้กับการวางตำแหน่งของกล้อง การจัดแสง และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ความปลอดภัยของนักแสดงและทีมงานทุกคน
งานถ่ายทำเสร็จสิ้นลงในช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยทีมงานยังต้องวุ่นกับการทำงานโพสต์โปรดักชั่นอยู่อีกหลายเดือน โดยเฉพาะงานวิชวล เอฟเฟ็กต์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของวิชวล เอฟเฟ็กต์ ซูเปอร์ไวเซอร์ แลนซ์ วิลฮอยต์
เช่นเดียวกับที่เคยทำมาแล้วในภาพยนตร์หลายเรื่อง จอห์น คาร์เพนเตอร์รับหน้าที่แต่งและบรรเลงดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่อง Ghosts of Mars ด้วยตัวเอง
การทำงานกับปรมาจารย์
"จอห์นก็คือกัปตันเรือ" นาตาชา เฮนส์ทริดจ์กล่าว "เขาใจเย็น มีสติ และสามารถควบคุมทุกอย่างได้เสมอ ฉันยังไม่เคยร่วมงานกับผู้กำกับแบบเขามาก่อนเลย" คำกล่าวของเฮนส์ทริดจ์คือคำกล่าวที่คุณจะได้ยินจากทั้งทีมงานและนักแสดงของภาพยนตร์เรื่อง Ghosts of Mars อีกหลายคน เป็นคำชมที่พวกเขาจะกล่าวถึงสไตล์การทำงานของคาร์เพนเตอร์ที่มีมาตรฐาน
"ไม่มีใครที่สามารถทำงานได้ดีที่สุดภายใต้ความกดดัน" คาร์เพนเตอร์บอก "กระบวนการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ต้องอยู่ภายใต้กำหนดเวลาที่ตั้งเอาไว้เป็นงานที่หินมากทีเดียว ผมคิดแค่ว่าผมต้องการช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ระหว่างการถ่ายทำ"
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ปรัชญาในการทำงานของคาร์เพนเตอร์ดูใช้ได้ผลดีทีเดียว การได้ใช้เวลาอยู่กับคาร์เพนเตอร์ในกองถ่าย ก็คือการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ทุกคนต่างมีความชื่นชมให้แก่กัน ไอซ์ คู๊บกล่าวว่า "จอห์นกับผมเคยคุยกันถึงตัวละครของผมบ่อยๆ แล้วเขาก็ยอมรับไอเดียของผมไปเยอะทีเดียว แล้วเขาก็ค่อนข้างพอใจกับความจริงที่ว่าผมเดินเข้ามาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมกับไอเดียมากมายที่มีต่อตัวละครตัวนี้ เขานำไปใช้ด้วย พระเจ้า ผู้ชายที่มีชื่อนำหน้าภาพยนตร์ของเขาทุกเรื่อง ยอมรับคำแนะนำและการเปลี่ยนแปลงของผม คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว"
หนึ่งในคำกล่าวที่นักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้มีคล้ายๆ กัน ก็คือ ความชื่นชอบที่พวกเขามีต่อผลงานเรื่องก่อนๆ ของคาร์เพนเตอร์ นักแสดงทุกคนต่างยอมรับว่าเป็นแฟนภาพยนตร์แนวนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะผลงานของคาร์เพนเตอร์ และทุกคนต่างกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับเขา "เขารู้ดีว่าเขาต้องการอะไร แต่เขาก็ใจดีพอที่จะให้อิสระแก่นักแสดงที่จะแสดงอะไรออกมาก็ได้ภายในขอบเขตของบทภาพยนตร์" โจแอนนา แคสซิดี้กล่าว "เขาปล่อยให้ฉันคิดสร้างสรรค์ และยอมให้ฉันใส่หัวใจและวิญญาณลงในบทวิตล็อกนี้ด้วย"
เจสัน สเตแธมรู้สึกกระวนกระวายใจมากที่จะดึงความสนใจจากคาร์เพนเตอร์ เมื่อเขารู้ว่าคาร์เพนเตอร์กำลังจะเดินทางมายังตูริน สเตแธมจึงเดินทางไปยังอิตาลี และเตรียมการเพื่อเข้าพบกับคาร์เพนเตอร์ "ผมไม่เคยพบเขามาก่อนเลย" สเตแธมบอก "เราดื่มเบียร์กันสองแก้ว และเริ่มคุยกัน ผมเป็นแฟนผลงานของเขาอยู่แล้ว และเมื่อผมรู้ว่าผมจะได้แสดงภาพยนตร์ของเขาด้วย ผมก็เดินยิ้มกลับบ้านไปเลย เขาเป็นอัจฉริยะในงานที่เขาทำ ไม่มีใครที่จะเก่งเท่าเขาอีกแล้ว บางที หนึ่งในสมาชิกทีมนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ซาบซึ้งกับสไตล์การทำงานที่ง่ายๆ สบายๆ และเป็นมิตรกับนักแสดงของคาร์เพนเตอร์มากที่สุด ก็คือ เคลีย ดูวัลล์ นักแสดงสาวผู้นี้ชื่นชอบสไตล์การกำกับของคาร์เพนเตอร์มาก "เขาเป็นผู้กำกับที่ฉันชอบมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ฉันเคยร่วมงานด้วย" ดูวัลล์ประกาศ "เขาไม่เคยทำอะไรให้มันดูยุ่งยากซับซ้อนเกินกว่าที่มันควรจะเป็นเลย"
ไอซ์ คู๊บยอมรับว่าเขามีความรู้สึกอื่นที่มากเกินกว่าความสนใจในวิธีการปฏิบัติตัวของคาร์เพนเตอร์ต่อนักแสดง เพราะคู๊บเองก็กำลังมีความคิดจะทำงานกำกับภาพยนตร์ และเขาก็ยินดีที่มีโอกาสได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากบุคคลที่เขาให้ความยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ "ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากจากเขา ผมจะคอยถามคำถามเขาเสมอ" คู๊บเล่า "เขากำกับภาพยนตร์มานานพอๆ กับอายุของผม แล้วเขามักจะสละเวลาของเขาเพื่อมาสอนผมจากประสบการณ์ที่เขาเรียนรู้มาเอง"
ความชื่นชมที่ผู้คนมีต่อคาร์เพนเตอร์นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มนักแสดงเท่านั้น โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ บิลล์ เอลเลียตต์กล่าวว่า "ผมเป็นแฟนผลงานของเขามานาน และผมก็กระโดดเข้าหาโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับเขาทันที เขาเป็นคนที่มีมุมมองจริงๆ แต่เขาก็จะปล่อยให้คุณได้สร้างสรรค์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เขาเป็นคนที่คอยให้การสนับสนุน เขาจะไว้วางใจในทีมดีไซเนอร์ของเขาจริงๆ"
แต่ผู้กำกับภาพ แกรี่ คิ๊บบี้ดูจะเป็นคนที่ให้ความชื่นชมต่อคาร์เพนเตอร์มากที่สุด "ไม่สำคัญหรอกว่าผมจะทำอะไรหรือผมจะอยู่ที่ไหน" คิ๊บบี้กล่าว "ที่จอห์นจะต้องทำก็คือโทรศัพท์มาหาผม แล้วผมก็ทิ้งทุกอย่างเพื่อทำให้ตัวเองว่างเพื่อเขา"
"แหล่งทรัพยากรของโลกมีอยู่อย่างจำกัด ถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถดำรงอยู่ได้นานขนาดนั้น และต้องการที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป เราก็คงจะต้องออกไปเสี่ยงตายกันที่โลกอื่นด้วย" จอห์น คาร์เพนเตอร์กล่าว "ดาวอังคารดูจะเป็นดาวเคราะห์ที่เหมาะจะไปตั้งอาณานิคมที่สุดในระบบสุริยจักรวาลของเราแล้ว"
นี่คาร์เพนเตอร์กำลังพยายามสื่อความหมายบางอย่างไปถึงคนดูด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้หรือเปล่า "ข้อความสำคัญก็คือสิ่งที่เราทิ้งเอาไว้ในเครื่องรับฝากข้อความ ภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องไม่ได้มีข้อความอะไรจะบอก แต่มันมีธีม สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผมต้องการให้คนดูได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Ghosts of Mars นี้ และเดินจากไปด้วยประสบการณ์ที่สนุกสนานเท่านั้นก็พอ"
…เกี่ยวกับนักแสดง
ไอซ์ คู๊บ (Ice Cube) รับบทเป็น เจมส์ วิลเลี่ยมส์ "ผู้เด็ดเดี่ยว"
ไอซ์ คู๊บกลายเป็นหนึ่งในศิลปินชั้นแนวหน้าของวงการบันเทิง และได้พิสูจน์ฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์แล้วทั้งในแวดวงภาพยนตร์และเพลง เมื่อเร็วๆ นี้ คู๊บได้แสดงฝีมือด้วยการแต่งเพลงและแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Next Friday ซึ่งเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องฮิต Friday เขายังแสดงนำในภาพยนตร์ที่ได้รับคำชมเรื่อง Three Kings ที่ทำให้เขาได้ประกบบทกับจอร์จ คลูนีย์ และมาร์ก วอห์ลเบิร์ก
คู๊บยังก่อตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ของตัวเองด้วย ชื่อว่า คู๊บวิชั่น ในปี 1999 และได้ทำสัญญากับนิวไลน์ซีนีม่า เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เซ็นสัญญากับทาง HBO เพื่อสร้างภาพยนตร์ซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของการทำงานของโลกดนตรีในปัจจุบัน
ในอนาคต คู๊บจะแสดงนำในภาพยนตร์ของเกรกอรี่ ดาร์ก ซึ่งเป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอมาก่อนเรื่อง Stray Dawgz จากนั้นก็จะหันไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง Pimp ที่นำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของไอซ์เบิร์ก สลิม จากฝีมือการกำกับของบิลล์ ดุ๊ก และอำนวยการสร้างโดยเฟิร์มแอน์ควินซี่ เอนเตอร์เทนเม้นต์
คู๊บเริ่มงานแสดงครั้งแรกในภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ของจอห์น ซิงเกิลตันเรื่อง Boyz 'n the Hood และเขายังได้รับรางวัล Chicago Film Critics Award สาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Anaconda, Trespass, The Glass Shield, Higher Learning และ Dangerous Ground
นาตาชา เฮนส์ทริดจ์ (Natasha Henstridge) รับบทเป็นร้อยตำรวจหญิงเมลานี่ บัลลาร์ด
นาตาชา เฮนส์ทริดจ์เริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยการรับบทเป็นเอเลี่ยนสาวแสนสวยที่ชื่อว่า ซิล ในภาพยนตร์แนวไซไฟทริลเลอร์ของเอ็มจีเอ็มเรื่อง Species ที่ทำให้เธอได้รับรางวัล MTV Movie Award ต่อมา เฮนส์ทริดจ์ยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ภาคต่อ Species II อีกด้วย
ผลงานการแสดงเรื่องอื่นๆ ของเฮนส์ทริดจ์ได้แก่ Maximum Risk ภาพยนตร์ของนิวไลน์เรื่อง Dog Park ซึ่งเธอร่วมแสดงกับจานีน กาโรฟาโล่, ลุค วิลสัน และฮาร์แลนด์ วิลเลี่ยมส์, ภาพยนตร์ของ HBO เรื่อง Caracara และภาพยนตร์มินิซีรีส์ของ NBC เรื่อง Jason and the Argonauts
เมื่อไม่นานมานี้ เฮนส์ทริดจ์ยังแสดงนำในภาพยนตร์ของมิราแม็กซ์เรื่อง Bounce ร่วมกับเบน อัฟเฟล็ค และกวินเนธ พัลโทรว์ เธอยังได้ร่วมแสดงกับบรู๊ซ วิลลิส และแมทธิว เพอร์รี่ในภาพยนตร์เรื่อง The Whole Nine Yards และร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง It Had to Be You
ผลงานการแสดงของเฮนส์ทริดจ์ที่กำลังจะเปิดตัวฉาย ก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง Second Skin ที่เธอร่วมแสดงกับปีเตอร์ ฟอนด้า, Kevin of the North ที่เธอร่วมแสดงกับสกีต อุลริช และภาพยนตร์เรื่อง A Better Way to Die
เฮนส์ทริดจ์เกิดในสปริงเดล, นิวฟาวด์แลนด์ และไปโตที่ฟอร์ต แม็คเมอร์เรย์, อัลเบอร์ต้า ในแคนาดา ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิส
เจสัน สเตแธม (Jason Statham) รับบทเป็น เจอริโก้
เจสัน สเตแธมเริ่มเป็นที่สนใจของกลุ่มคนดูและนักวิจารณ์ในบทดาราที่ร่วมแสดงนำในภาพยนตร์ของกาย ริตชี่ เรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels ให้กับกราเมอซี่ พิคเจอร์ส
ผลงานเรื่องต่อไปของเขา คือภาพยนตร์ของนิวไลน์เรื่อง Ghetto Superstar ที่กำกับโดยโรเบิร์ต เอเดเตยี และก่อนหน้านี้ เขาได้ร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ของสกรีน เจมส์เรื่อง Snatch ผลงานการกำกับของกาย ริตชี่เช่นกัน
แพม เกรียร์ (Pam Grier) รับบทเป็น เฮเลน่า
แพม เกรียร์มีผลงานแสดงในภาพยนตร์มาแล้วกว่า 30 เรื่อง รวมไปถึงผลงานทางด้านทีวีและละครเวทีอีกกว่า 20 เรื่องระหว่างที่เธออยู่ในวงการมายามา
นับแต่ที่เริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในภาพยนตร์ของอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์สเรื่อง Coffy เกรียร์มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น Foxy Brown, Greased Lightning, Fort Apache: the Bronx, Something Wicked This Way Comes, Above the Law, Escape From L.A. (กำกับโดยจอห์น คาร์เพนเตอร์) และ Mars Attacks เธอยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมในสาขาภาพยนตร์ตลกจากผลงานของเควนติน ทาแรนติโน่เรื่อง Jackie Brown
ผลงานทางด้านทีวีของเธอ ก็รวมถึงภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Miami Vice, Crime Story และ Linc's Place, In Living Color และ Fresh Prince of Bel Air ส่วนผลงานที่เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวที่ฉายทางทีวีของเธอได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Frank's Place - The Movie, Family Blessings และ Holly Wagner, Star
ส่วนผลงานทางด้านละครเวทีนั้น เกรียร์เคยร่วมแสดงอยู่ในละครเรื่อง Frankie and Johnnie at the Claire De Lune และ Telltale Hearts
เกรียร์เคยได้รับรางวัล National Black Theatre Festival Award และรางวัล African American Film Society Lifetime Achievement Award
เคลีย ดูวัลล์ (Clea Duvall) รับบทเป็น บาชีร่า
เคลีย ดูวัลล์เริ่มเป็นที่สะดุดสายตาคนดูครั้งแรกในภาพยนตร์อินดี้เรื่อง How to Make the Cruelest Month ในปี 1998 ต่อมาในปีเดียวกันนั้น เธอร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Faculty ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Breakout Performance จากทั้ง Blockbuster Awards และ Teen Choice Awards
เมื่อไม่นานมานี้ ดูวัลล์เพิ่งเสร็จสิ้นจากการไปรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง See Jane Run และก่อนหน้านี้ เธอร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Girl, Interrupted โดยได้ประกบบทกับวีโนน่า ไรเดอร์ และแองเจลิน่า โจลี่ ผลงานเรื่องอื่นๆ ของดูวัลล์ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง The Astronaut's Wife, Wildflowers, She's All That และ But I'm a Cheerleader
ผลงานทางด้านทีวีของดูวัลล์ได้แก่ Popular, Buffy the Vampire Slayer, ER และ Dangerous Minds
โจแอนนา แคสซิดี้ (Joanna Cassidy) รับบทเป็นวิตล็อก
โจแอนนา แคสซิดี้ มีผลงานทั้งที่เป็นภาพยนตร์จอเงิน จอแก้ว และละครเวทีมากมายหลายเรื่อง ผลงานทางด้านภาพยนตร์จอเงินได้แก่ Stay Hungry, Blade Runner, Under Fire ที่ทำให้เธอคว้ารางวัล New York Critics Best Actress Award, ภาพยนตร์เรื่อง Who Framed Roger Rabbit, The Package, Don't Tell Mom the Babysitter's Dead, Chain Reaction, Dangerous Beauty และ Moonglow
ผลงานทางด้านทีวีของเธอประกอบไปด้วยภาพยนตร์เรื่องยาวประจำสัปดาห์จำนวนมากมายหลายเรื่อง อาทิเช่น Hollywood Wives, The Tommyknockers, Barbarian at the Gate, The Hunger และ Tribe ส่วนผลงานที่เป็นภาพยนตร์ซีรีส์ ได้แก่ L.A. Law, Northern Exposure และ Diagnosis Murder
เลียม เวต (Liam Waite) รับบทเป็นไมเคิล เดสแคนโซ่
เลียม เวตเคยแสดงนำในภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง อาทิเช่น Second Skin, Whitebread, Simpatico, The Day October Died และ April V
ผลงานทางด้านทีวีของเขา ได้แก่ ภาพยนตร์ประจำสัปดาห์เรื่อง Father Begano และ Good Sport เขายังร่วมแสดงในละครเวทีหลายเรื่องด้วยกัน ได้แก่ ละครเวทีเรื่อง Death of a Salesman, Equus, Romeo and Juliet, King Lear, Fool For Love และ Zoo Story
แวนด้า เดอ จีซัส (Wanda De Jesus) รับบทเป็น อากูเช่ย์
แวนด้า เดอ จีซัสได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์มากมาย อาทิเช่น Flawless, Once in the Life, Executive Power, Glass Shield, Downtown, RoboCop 2 และ Demolition Day
ผลงานทางด้านทีวีของเธอมีอยู่อย่างหลากหลาย อาทิเช่น การไปรับบทรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง Pensacola, Brooklyn South, Nash Bridges, NYPD Blue, Touched by an Angel, Profiler และ Diagnosis Murder เธอยังร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Live Shot, Mariah และ Santa Barbara และยังมีบทในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Lifestories และละครของ NBC เรื่อง Another World
เดอ จีซัสยังร่วมแสดงอยู่ในละครบรอดเวย์ร่วมกับโรเบิร์ต เดอนีโรในเรื่อง Cuba and His Teddy Bear และยังร่วมแสดงละครเวทีที่ Mark Taper Forum ของลอส แอนเจลิส และที่ Ahmanson Theatre และที่ Village Performing Theatre ในนิวยอร์ก รวมไปถึงที่ New York Shakespeare Festival ด้วย
ดวน เดวิส (Duane Davis) รับบทเป็น อูโน่
ดวน เดวิสเป็นนักแสดงอีกคนหนึ่งที่มีผลงานทั้งทางด้านภาพยนตร์จอเงิน จอแก้ว และละครเวที เขามีผลงานภาพยนตร์จอเงินเกือบ 20 เรื่อง อาทิเช่น The Great White Hype, Steal Big, Steal Little, Little Big League, Under Siege, Universal Soldier, Necessary Roughness และ Beetlejuice
สำหรับผลงานทางด้านทีวี เดวิสร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Team Knightrider, Moloney, L.A. Law และ Dallas นอกจากนี้ เขายังมีผลงานภาพยนตร์ทีวีประจำอาทิตย์อยู่หลายเรื่อง อาทิเช่น The Rocky Marciano Story, The Mike Tyson Story และ Final Shot: the Hank Gathers Story
โลโบ้ เซบาสเตียน (Lobo Sebastian) รับบทเป็น ดอส
โลโบ้ เซบาสเตียนเคยรับบทสมทบในภาพยนตร์อย่าง Next Friday, 187, Road Dawgs, Major League III, Dancing at the Blue Iguana และ Black and White ของ HBO
ผลงานทางด้านทีวีของเขา ก็รวมถึงการไปรับบทรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง Walker Texas Ranger, L.A. Doctors, Pacific Blue และ Nightman
ร็อดนีย์ เอ แกรนต์ (Rodney A. Grant) รับบทเป็น เทรส
ผลงานภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของร็อดนีย์ เอ แกรนต์ได้แก่เรื่อง Wild Wild West ที่เขาได้ร่วมแสดงกับวิลล์ สมิธ ส่วนผลงานเรื่องก่อนๆ ของเขา ได้แก่ White Wolves III, The Killing Ground, The Substitute, Geronimo: An American Legend และ Dances With Wolves
แกรนต์ยังมีผลงานเป็นภาพยนตร์ประจำสัปดาห์เกือบๆ 12 เรื่อง อาทิเช่น The Jack Bull, Staircase, Vanishing Point, Genghis Khan, Lakota Moon และ The Trail of Standing Bear นอกจากนี้ เขายังแสดงเป็นชินกาชกุกในซีรีส์เรื่อง Hawkeye
โรเบิร์ต คาร์ราดีน (Robert Carradine) รับบทเป็น โรเดล
โรเบิร์ต คาร์ราดีนมีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า 30 เรื่อง โดยเริ่มต้นในปี 1971 โดยเขาได้ร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ของจอห์น เวย์นเรื่อง The Cowboy นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาได้ร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์อย่าง Who'll Stop the Rain, Escape From L.A. ที่กำกับโดยจอห์น คาร์เพนเตอร์, Body Bags, The Player, Somebody Has to Shoot the Pictures, Revenge of the Nerds, Revenge of the Nerds II, The Long Riders, The Big Red One, Coming Home, Aloha Bobby and Rose และ Mean Streets
ผลงานทางด้านทีวีของเขา ได้แก่ NYPD Blue, The Practice, ER, Kung Fu และ Bonanza เขายังรวมแสดงในภาพยนตร์ประจำสัปดาห์เรื่อง The Incident, I Saw What YouDid และ The Survival of Dana รวมไปถึงภาพยนตร์มินิซีรีส์เรื่อง The Tommyknockers, Monte Carlo และ The Sun Also Rises
ปีเตอร์ เจสัน (Peter Jason) รับบทเป็น แม็คซิมม์ส
ปีเตอร์ เจสันเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีบทบาทการแสดงน่าประทับใจที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด โดยมีผลงานแสดงในภาพยนตร์กว่า 30 เรื่อง และภาพยนตร์ซีรีส์และภาพยนตร์เรื่องยาวทางทีวีอีกจำนวนหนึ่ง
ผลงานภาพยนตร์ฉายโรงของเขา ได้แก่ Dante's Peak, Escape From L.A., The Village of the Damned, In the Mouth of Madness, Marked for Death, Aracnophobia, The Hunt for Red October, Red Heat, Prince of Darkness, Heartbreak Ridge, Brewster's Millions และ Some Kind of Hero
เจสันยังร่วมแสดงอยู่ในซีรีส์ของดอน จอห์นสันเรื่อง Nash Bridges และภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Mike Hammer, P.I. ภาพยนตร์เรื่องยาวทางทีวีเรื่อง Coach, Roseanne, The Jackie Thomas Show, A Different World, Quantum Leap, Knot's Landing, The Billionaire Boys Club และ Golden Girls
…เกี่ยวกับผู้สร้าง
จอห์น คาร์เพนเตอร์ (John Carpenter) - ผู้กำกับ/เขียนบท/ประพันธ์ดนตรี
จอห์น คาร์เพนเตอร์นั้นมีความชื่นชอบในภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะภาพยนตร์แนวคาวบอย และเริ่มต้นความผูกพันที่เขามีต่อภาพยนตร์
ในปี 1970 ขณะที่เป็นนักเรียนภาพยนตร์อยู่ที่ยูเอสซี คาร์เพนเตอร์สามารถคว้ารางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่องสั้นเรื่อง The Resurrection of Bronco Billy และก้าวขึ้นไปกับภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ แต่ทำรายได้สูง และได้รับคำวิจารณ์ดีมากมายหลายเรื่อง อาทิเช่น Dark Star, Assault on Precinct 13 และที่กลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิกไปแล้วอย่างเรื่อง Halloween ซึ่งสามารถโกยรายได้ไปถึง $75 ล้านจากต้นทุนสร้างเพียง $300,000 เหรียญ และยังคงสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับคนดูทุกเพศทุกวัยจากทั่วโลกได้เรื่อยมา และกลายเป็นจุดกำเนิดของยุคภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ที่สามารถทำรายได้สูง
คาร์เพนเตอร์สร้างผลงานติดตามความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Halloween ด้วยภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ได้รับความนิยมอีกหลายเรื่อง อาทิเช่น The Fog, They Live, Prince of Darkness และ Christine เขายังได้รับคำชมในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์แอ็กชั่นจากภาพยนตร์เรื่องฮิตอย่าง Escape From New York, Escape From L.A., The Thing และ Big Trouble in Little China ภาพยนตร์เรื่อง John Carpenter's Vampire ยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในช่วงวันฮัลโลวีนอีกด้วย
ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Memoirs of an Invisible Man, In The Mouth of Madness, Village of the Damned และ Starman ที่ทำให้เจฟฟ์ บริดเจส ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์
สำหรับผลงานด้านทีวี คาร์เพนเตอร์ยังได้กำกับภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Elvis และเรื่อง Someone's Watching Me เขายังกำกับและเป็นพิธีกรรายการของโชว์ไทม์ชื่อว่า John Carpenter Presents Body Bags ลาร์รี่ ซัลกิส (Larry Sulkis) - เขียนบท
คาร์เพนเตอร์เขียนบทภาพยนตร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง The Eyes of Laura Mars, Halloween II, The Philadelphia Experiment และภาพยนตร์คาวบอยที่ฉายทางทีวีเรื่อง El Diablo ที่ทำให้เขาคว้ารางวัล CableAce Award สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมลาร์รี่ ซัลกิสใช้เวลาปีแรกๆ ในชีวิตของเขาที่ไพรรี่ วิลเลจ, แคนซัส ก่อนที่จะไปเรียนสำเร็จจากเบลอต คอลเลจในวิสคอสซิน ซัลกิสเคยอาศัยอยู่ในลอนดอน และได้ย้ายมาอยู่แคลิฟอร์เนียเพื่อหางานในวงการภาพยนตร์ เขาได้เข้าร่วมทำงานให้กับภาพยนตร์สารคดีชุด What's Up America ของโชว์ไทม์ ซึ่งจะเป็นสารคดีที่นำเสนอเรื่องราวแปลกๆ ของกลุ่มวัฒนธรรมย่อยของอเมริกา โดยทำหน้าที่ในตำแหน่งมือเขียนบทและผู้อำนวยการสร้างภาคสนาม เขายังเคยกำกับภาพยนตร์สารคดีความยาวหนึ่งชั่วโมงของ ABC เรื่อง Dropout ที่พูดถึงปัญหาของผู้ที่ลาออกจากการเรียนไฮสกูล นอกจากนี้ เขายังทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างและมือเขียนบทให้กับซีรีส์เรื่อง Out Of Control
โปรเจ็กต์ผลงานที่มีความโดดเด่นของซัลกิส ได้แก่ Worldsong ภาพยนตร์ 70 มม. ที่กลายเป็นจุดเด่นที่งานเอ็กซ์โป ปี 1992 ที่เซวิลล์ ประเทศสเปน, Teamwork Technology ของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส ที่ฉายโชว์ทางวิดีโอวอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก, Animators on Animation ของดิสนีย์ แอนนิเมชั่น สตูดิโอ ทัวร์, เขียนบทให้กับรายการ To Be An Astronaut ให้กับ Houston Space Center Tour ของนาซ่า, The Journey Within ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของไอแม็กซ์ที่เขาเขียนบทให้กับบริษัทอินเทล และเขายังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับ Indah ภาพยนตร์ไอแม็กซ์ที่ผลิตขึ้นในอินโดนีเซีย เขายังเป็นนักแต่งเรื่องสั้นและนักแต่งนิยายที่สามารถบอกถึงความแตกต่างระหว่างเทคนิคการทำบาร์บีคิวแบบมิสซูรี่แถบนอร์ธเวสต์ได้เป็นร้อยๆ ข้อ
แต่ผลงานล่าสุดของซัลกิสยังคงเป็นงานเขียนบทให้กับภาพยนตร์ และภาพยนตร์เรื่อง John Carpenter's Ghosts of Mars ก็คือผลงานการเขียนบทให้กับภาพยนตร์จอเงินเป็นเรื่องที่ 6 ของซัลกิส และเป็นโปรเจ็กต์ที่ 8 ที่เขาได้ร่วมงานกับจอห์น คาร์เพนเตอร์
แซนดี้ คิง (Sandy King) - ผู้อำนวยการสร้าง
แซนดี้ คิงเริ่มเข้าสู่วงการสร้างภาพยนตร์ครั้งแรกในแขนงงานด้านแอนิเมชั่น แต่เธอได้ฝึกฝนเทคนิคที่จำเป็นในการเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ประสบความสำเร็จผ่านงานดูแลตรวจสอบบทภาพยนตร์ การได้มาเห็นขั้นตอนการทำงานของผู้กำกับมากมายหลายคน รวมไปถึงผู้กำกับภาพที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และนักแสดงเก่งๆ ทำให้คิงได้รับความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างภาพยนตร์ที่มีประสิทธิภาพในขณะที่จะต้องเปิดโอกาสให้กับผู้กำกับอย่างเต็มที่ในการทำจินตนาการให้กลายเป็นจริง
จอห์น คาสซาเวตต์สคือคนแรกที่มอบหมายภารกิจด้านบทภาพยนตร์ให้กับเธอชิ้นแรกในผลงานของเขาเรื่อง The Killing of a Chinese Bookie และเธอได้ศึกษางานภายใต้การทำงานของผู้กำกับที่เลื่องชื่ออย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า, วอลเตอร์ ฮิลล์, ไมเคิล แมนน์ และจอห์น ฮิวจ์ส และผู้กำกับมากมายเกิดความประทับใจในความรู้ด้านงานภาพยนตร์ของเธอจึงได้มอบหมายให้เธอได้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างประสานงาน และผู้กำกับกองถ่ายย่อยที่ 2 ด้วย
ในปี 1984 คิงได้ร่วมงานกับจอห์น คาร์เพนเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง Starman จากนั้นก็ได้ร่วมงานกันอีกในภาพยนตร์เรื่อง Big Trouble in Little China จากนั้น คาร์เพนเตอร์ได้มอบหมายให้เธอทำหน้าที่อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง They Live, In the Mouth of Madness, Village of the Damned และเมื่อไม่นานมานี้ก็คือเรื่อง Vampire เธอยังทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์ซีรีส์ของโชว์ไทม์เรื่อง John Carpenter Presents Body Bags
คิง ซึ่งเป็นชาวลอส แอนเจลิส สำเร็จการศึกษาจากยูซีแอลเอ ในสาขาศิลปะการละครและภาษาอังกฤษ ขณะที่ศึกษาอยู่นั้น คิงยังหารายได้ด้วยการตกแต่งภาพวาดลงบนรองเท้าของศิลปินอย่าง เดวิด โบวี่ และเอลตัน จอห์นด้วย
แกรี่ บี คิ๊บบี้, เอเอสซี (Gary B. Kibbe, A.S.C.) - ผู้กำกับภาพ
แกรี่ บี คิ๊บบี้ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพให้กับภาพยนตร์สี่เรื่องก่อนของผู้กำกับจอห์น คาร์เพนเตอร์ ได้แก่เรื่อง Prince of Darkness, They Live, Village of the Damned และ Vampire ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง Love Struck, RoboCop II, Double Dragon และ The Day October Died สำหรับผลงานทางด้านทีวีนั้น ประกอบไปด้วยรายการ John Carpenter Presents Body Bags และภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Kissed by an Angels, Badlands และ Dr. Quinn Medicine Woman
วิลเลี่ยม เอลเลียตต์ (William Elliott) - โปรดักชั่น ดีไซเนอร์วิลเลี่ยม เอลเลียตต์ทำหน้าที่สร้างฉากให้กับภาพยนตร์มาแล้วกว่า 20 เรื่อง อาทิเช่น Hot Shots, Honeymoon in Vegas, Ace Ventura: Pet Detective, The Nutty Professor, Doctor Doolittle และ The Nutty Professor II: The Klumps
ผลงานของเอลเลียตต์ในฐานะผู้กำกับศิลป์ ก็รวมถึงการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึงสองครั้งจากภาพยนตร์เรื่อง Rainman และ The Untouchables เขายังทำหน้าที่เป็นผู้กำกับศิลป์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Regarding Henry, Back to the Future II, Throw Momma From the Train, About Last Night และ Silverado
พอล วอร์สชิลก้า (Paul Warschilka) - ผู้ลำดับภาพพอล วอร์สชิลก้าเคยสร้างผลงานให้กับภาพยนตร์มาแล้วทั้งในตำแหน่งผู้ลำดับเสียงและผู้ลำดับภาพ ผลงานทางด้านการลำดับเสียงของวอร์สชิลก้าได้แก่ True Crime, 13th Warrior, The Milagro Beanfield War, Midnight in the Garden of Evil, Speed 2, Eraser และ Waterworld ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของวอร์สชิลก้า ก็รวมถึงภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องของจอห์น คาร์เพนเตอร์ เช่น The Village of the Damned, In the Mouth of Madness และรายการของโชว์ไทม์ John Carpenter Presents Body Bags ส่วนผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ Child's Play 2, Child's Play 3, Glimmerman และภาพยนตร์ของคริสติน่า แอ๊ปเปิลเกตเรื่อง Just Visiting
โรบิน มิเชล บุช (Robin Michel Bush) - คอสตูม ดีไซเนอร์โรบิน มิเชล บุชทำหน้าที่ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์ของจอห์น คาร์เพนเตอร์มาแล้วหลายเรื่อง อาทิเช่น Starman, They Live, In the Mouth of Madness, Village of the Damned, Escape From L.A. ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Saturn Award สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และก่อนหน้านี้ก็คือการออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์ของคาร์เพนเตอร์เรื่อง Vampire ผลงานทางด้านทีวีของบุช ได้แก่ Seven Days ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากสมาคมนักออกแบบเครื่องแต่งกาย, Silverstone, Harry and the Hendersons และ The New Lassie Show
เกร็ก นิโคเทอโร่ (Greg Nicotero) - ช่างแต่งหน้าสเปเชียล เอฟเฟ็กต์เกร็ก นิโคเทอโร่ที่ทำงานภายใต้ชื่อบริษัท KNB EFX Group ที่ดำเนินงานมากว่า 12 ปีของเขา มีประสบการณ์ในการสร้างงานแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ การสร้างสัตว์ประหลาด และหุ่นแอนิเมทรอนิกส์ให้กับทั้งภาพยนตร์จอเงินและจอแก้วมามากมายผลงานด้านจอเงินของเขาได้แก่ The Green Mile, The Adventures of Rocky & Bullwinkle, Spawn, Boogie Nights, Pulp Fiction, End of Days และ Mars Attacks!สำหรับผลงานทางด้านทีวีนั้น ประกอบไปด้วยภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Dune, Chicago Hope, Xena: Warrior Princess, Hercules: the Legendary Journeys และ The X-Files-- จบ--
-อน-