กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--ปตท.
ผลกำไรส่วนใหญ่มาจากการขายก๊าซธรรมชาติในปริมาณที่มากขึ้น บวกกับผลกำไรจาก บริษัท ปตท.สผ. ซึ่ง ปตท. ถือหุ้นกว่า 60%นายวิเศษ จูภิบาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการของ ปตท. รวม 3 ไตรมาส ในปี 2544 ( 1 มกราคม - 30 กันยายน 2544 ) ว่ามีกำไรสุทธิจำนวน 18,658 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วย 2 ประเด็นหลัก คือ 1) 9 เดือนแรกนี้ ปริมาณการขายก๊าซฯ เพิ่มสูงขึ้น โดยมีปริมาณการขายก๊าซฯ เฉลี่ยที่ระดับ 2,460 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในขณะที่ปริมาณการขายก๊าซฯ เฉลี่ยในปี 2543 อยู่ที่ระดับ 1,954 ล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งปริมาณที่เพิ่มขึ้นเป็นการขายให้ลูกค้ากลุ่ม IPP เป็นหลัก เพื่อนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าแทนน้ำมันเตา 2) ผลกำไรหลักอีกส่วนหนึ่งมาจากผลกำไรของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท. โดยเมื่อคิดเฉพาะสัดส่วนที่ ปตท. ถือหุ้นอยู่จำนวน 60.97% แล้ว มีกำไรจำนวน 5,292 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ปรับปรุงเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีกำหนดการจะชำระหนี้ให้ ปตท. จำนวน 3,900 ล้านบาท ในวันที่ 13 ธันวาคม 2544 และ ในไตรมาสที่ 3 นี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้เริ่มจ่ายคืนเงินชดเชยการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซหุ้งต้ม ให้ ปตท. แล้ว จำนวน 520 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้นายวิเศษฯ ได้สรุปฐานะการเงินของการปิโตรเลียมฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2544 ด้วยว่า มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 269,970 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 224,806 ล้านบาท โดยเป็นหนี้สินหมุนเวียน 77,001 ล้านบาท (รวมเงินกู้ระยะยาวครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 10,050 ล้านบาท) เงินกู้ระยะยาว 109,585 ล้านบาท และหุ้นกู้ 17,507 ล้านบาท และมีส่วนของทุน 45,164 ล้านบาท--จบ--
-สส-