4 สถาบันการเงินปล่อยกู้ 3.5 พันล้านบาท ขยายโรงไฟฟ้าในสวนอุตสาหกรรมสหพัฒน

กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
4 สถาบันการเงินร่วมปล่อยกู้ 3,500 ล้านบาท ให้สหโคเจน (ชลบุรี) สำหรับการปรับสัดส่วนเงินกู้บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในสวน อุตสาหกรรมสหพัฒน เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่โคแวนต้า เอ็นเนอยี่ฯ บริษัทแม่เตรียมย้ายฐานจากฮ่องกงมาปักหลักในไทยส.ค.นี้
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดสรรเงินกู้ (Financial Arranger) ได้ดำเนินการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับการปรับสัดส่วนเงินกู้บาท/เหรียญสหรัฐของบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด จำนวน 3,196 ลบ.พร้อมทั้งปล่อยเงินกู้เพิ่มสำหรับโครงการส่วนขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า จำนวน 311 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 3,507 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 1,368 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน 871 ล้านบาท บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 691 ล้านบาท และ บริษัทเงินทุนทิสโก้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 577 ล้านบาท
โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producers / SPP Program) ของบริษัท สหโคเจน(ชลบุรี) จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มสหพัฒน และบริษัท โคแวนต้า เอ็นเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น (Covanta Energy Corporation) จากประเทศสหรัฐอเมริกา โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration Combined Cycle Power Plant) กำลังการผลิตขนาด 122 เมกกะวัตต์ ได้เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและโรงงานอุตสาหรรมในสวนอุตสาหกรรมสหพัฒน ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2542 สำหรับโครงการขยายโรงไฟฟ้า มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) และเสถียรภาพ (Reliability) ของการผลิต รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 122 เมกกะวัตต์ เป็น 132 เมกกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายเพิ่มให้โรงงานอุตสาหกรรมในเครือสหพัฒน โดยโครงการขยายกำลังการผลิตดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2545
บริษัท โคแวนต้า เอ็นเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในหลายประเทศทั่วโลก ภายใต้ชื่อเดิมคือ บริษัท อ๊อกเดน เอ็นเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น (Ogden Energy Corporation) ปัจจุบันมีสำนักงานในกรุงเทพฯ บริหารธุรกิจการลงทุนในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการย้ายสำนักงานประจำภาคพื้นเอเซียแปซิฟิค (Regional Office) จากประเทศฮ่องกงมายังกรุงเทพฯ ซึ่งจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายในเดือนสิงหาคม 2544 นี้--จบ--
-อน-