การเลือกอาหารเสริมบำรุงสายตาที่มีคุณภาพก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าสารอาหารสำคัญที่ดวงตาของเราต้องการจริงๆ นั้นมีอะไรบ้าง เพื่อการบำรุงที่ตรงจุดที่สุด
ทำไมการบำรุงดวงตาจากภายในจึงสำคัญ?
ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางและต้องเผชิญกับอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ตลอดเวลา ทั้งจากแสงสีฟ้าบนหน้าจอและรังสียูวีในแสงแดด อนุมูลอิสระเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเซลล์ในจอประสาทตา (Retina) และเลนส์แก้วตา (Lens) โดยตรง การดูแลจากภายนอก เช่น การสวมแว่นกันแดดหรือการพักสายตา อาจช่วยได้เพียงระดับหนึ่ง แต่การต่อสู้กับความเสื่อมจากภายในจำเป็นต้องอาศัย "สารต้านอนุมูลอิสระ" ที่เข้มข้น ซึ่งจะเข้าไปปกป้องเซลล์ดวงตาไม่ให้ถูกทำลายสะสมจนเกิดเป็นโรคในที่สุด
6 สารอาหารสำคัญที่ดวงตาต้องการ
การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารเหล่านี้เป็นประจำ คือกุญแจสำคัญในการสร้างเกราะป้องกันความเสื่อมให้กับดวงตา
1. ลูทีน และ ซีแซนทีน (Lutein & Zeaxanthin)
สารอาหารคู่นี้ถือเป็น "ฮีโร่" ตัวจริงสำหรับดวงตา ทำหน้าที่เหมือน "แว่นกันแดดธรรมชาติ" โดยจะไปสะสมอยู่ที่บริเวณจุดรับภาพ (Macula) ในจอประสาทตา ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายไม่ให้เข้าไปทำลายเซลล์รับภาพ การมีลูทีนและซีแซนทีนอย่างเพียงพอจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) ได้อย่างชัดเจน พบมากในผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักเคล ผักโขม บรอกโคลี และในดอกดาวเรือง
2. โอเมก้า 3 (Omega-3)
กรดไขมันโอเมก้า 3 โดยเฉพาะ DHA เป็นส่วนประกอบโครงสร้างที่สำคัญของเซลล์จอประสาทตา การได้รับ DHA อย่างเพียงพอจึงจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์รับภาพ นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังมีคุณสมบัติเด่นในการต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไปช่วยปรับปรุงคุณภาพของชั้นไขมันในฟิล์มน้ำตา ทำให้ตาชุ่มชื้นยาวนานขึ้น พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า
3. วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ซึ่งพบในปริมาณที่เข้มข้นสูงบริเวณเลนส์แก้วตา ทำหน้าที่ปกป้องโปรตีนในเลนส์ตาไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือดฝอยที่มาหล่อเลี้ยงดวงตาอีกด้วย พบมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง และในพริกหวาน
4. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีทำงานร่วมกับวิตามินซี (Synergy) ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผนังเซลล์ที่บอบบางของดวงตาซึ่งมีไขมันเป็นองค์ประกอบหลักไม่ให้ถูกทำลาย มีงานวิจัยทางคลินิกขนาดใหญ่ (AREDS) พบว่าการรับประทานวิตามินอีร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ช่วยชะลอการลุกลามของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ พบมากในถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน และน้ำมันพืช
5. วิตามินเอ (Vitamin A) / เบต้าแคโรทีน
วิตามินเอคือวิตามินคลาสสิกที่ทุกคนรู้ว่าดีต่อสายตา โดยเป็นส่วนประกอบสำคัญของสาร "โรดอปซิน" (Rhodopsin) ที่ช่วยในการมองเห็นในที่มืดหรือที่แสงน้อย (Night Vision) หากขาดวิตามินเอจะทำให้เกิดภาวะตาบอดกลางคืน และยังอาจทำให้เกิดอาการตาแห้งอย่างรุนแรงได้อีกด้วย พบมากในตับ แครอท ฟักทอง และมันเทศ
6. ซิงค์ (Zinc)
ซิงค์ หรือ สังกะสี ทำหน้าที่เป็น "แร่ธาตุผู้ช่วย" คนสำคัญ โดยช่วยให้ร่างกายนำวิตามินเอจากตับไปใช้ที่จอประสาทตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ซิงค์ยังเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดในดวงตา การขาดซิงค์จึงอาจส่งผลต่อการมองเห็นในที่มืดและความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ พบมากในหอยนางรม เนื้อสัตว์ และถั่ว
สรุปบทความ
ดวงตาเป็นอวัยวะที่เสื่อมแล้วยากจะฟื้นฟู การเริ่มต้นดูแลตั้งแต่วันนี้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว และปลาทะเล จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบหรือมีความเสี่ยงสูง การเสริมสารอาหารที่จำเป็นก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ การใส่ใจดูแลดวงตาจากภายในตั้งแต่วันนี้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อให้เรามองเห็นโลกที่สดใสไปได้อีกนานแสนนาน
หากคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอาหารเสริมที่หลากหลาย True Shopping ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นช่องทางโฮมช้อปปิ้งและอีคอมเมิร์ซที่คัดสรรสินค้าหลายประเภทมาให้เลือก "ช้อปที่ใช่ รู้ใจคุณ"
