กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์
เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า
บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ฮอนด้าประจำภูมิภาคอาเซียน ประกาศวันนี้ว่า ฮอนด้าจะผนึกรวมสายธุรกิจการผลิตกับการจัดจำหน่าย รถยนต์เข้าด้วยกันเป็นบริษัทใหม่ชื่อ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd.) โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ซึ่งมีกำหนดเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 5,460 ล้านบาท โดยมีบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ถือหุ้น 75.9 เปอร์เซ็นต์ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ถือหุ้น 15.4 เปอร์เซ็นต์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 4.1 เปอร์เซ็นต์ และนายพงส์ สารสิน ถือหุ้น 4.6 เปอร์เซ็นต์ โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จะเข้าถือครองสินทรัพย์ รับผิดชอบพนักงานและดูแลการจัดการด้านต่างๆ ของบริษัท ฮอนด้าคาร์ส์ แมนูเฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ฮอนด้า และบริษัท ฮอนด้าคาร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ
นายซาโตชิ โตชิดะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า "การรวมสายธุรกิจยานยนต์ในไทยดังกล่าว สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของเราในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมุ่งนำเสนอประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจในแต่ละประเทศ รวมทั้งมีการประสานการดำเนินงานที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างกลุ่มบริษัทฮอนด้าในภูมิภาคอาเซียน"
นายพงส์ สารสิน หนึ่งในผู้ถือหุ้นชาวไทยที่ร่วมดำเนินธุรกิจกับฮอนด้ามานาน ได้กล่าวถึงการก่อตั้งบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยความยินดีว่า "ศักยภาพในการเติบโตของตลาดในประเทศไทยและของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลทำให้การแข่งขันเข้มข้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการเปิดเสรีทางการค้าหรือ AFTA ที่จะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของเรา ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น"
นายโตชิดะ เปิดเผยว่า การรวมตัวกันของบริษัท ฮอนด้าคาร์ส์ แมนูเฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฮอนด้าคาร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าให้ความสำคัญต่อตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดของภูมิภาคนี้ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างรุนแรง เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์ของไทยมีความคาดหวังสูงมาก ในเรื่องเทคโนโลยีอันนำสมัยและคุณภาพการให้บริการลูกค้าในระดับที่ดีเยี่ยม เราจึงผนวกธุรกิจยานยนต์ของฮอนด้าขึ้นที่นี่ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและเพิ่มความพึงพอใจให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้"
ก่อนหน้านี้ ฮอนด้าได้รวมสายธุรกิจรถยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียเข้าด้วยกัน และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งบริษัท ดีอาร์บี-โอเรียนทอล-ฮอนด้า (DRB-Oriental-Honda Sdn. Bhd.) ขึ้นในมาเลเซีย ซึ่งเป็นการผนวกโรงงานผลิตรถยนต์กับบริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์เข้าด้วยกัน
การจัดตั้งบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นก้าวแรกในการนำระบบการผลิตแบบยืดหยุ่นนำสมัยของฮอนด้ามาติดตั้งที่โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุด 70,000 คันต่อปี
"ระบบการผลิตแบบใหม่นี้ทำให้ประหยัดเวลาในการนำเสนอรถยนต์รุ่นล่าสุดเข้าสู่ตลาด ซึ่งช่วยให้เราสามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเราเป็นอย่างมาก เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานในด้านเทคนิคการผลิตรถยนต์หลายๆ รุ่นพร้อมกัน และเป็นโรงงานตัวอย่างสำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าในอาเซียนอื่นๆ ด้วย" นายโตชิดะกล่าวเพิ่มเติมในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ฮอนด้ามีแผนที่จะนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของบริษัทด้วยสัญลักษณ์องค์กรที่จะติดตั้งในโชว์รูมฮอนด้ากว่า 103 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของฮอนด้าในศตวรรษที่ 21 โดยมีสัญลักษณ์แถบอะลูมิเนียมสีเงิน-แดง บ่งบอกถึงความเป็นเลิศในด้านวิศวกรรมยานยนต์ ความคุ้มค่าของราคา และความสามารถในการตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างสูงสุด
เผยแพร่ในนาม บริษัท เอเซี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ฮอนด้าประจำภูมิภาคอาเซียน
โดยบริษัท สปินเลอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ มิสเตอร์ฮิโรชิ มิคาจิริ หรือ คุณพิมพร ศิริวรรณ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด โทรศัพท์ 236-0256 โทรสาร 635-1052--จบ--
-อน-
- พ.ย. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: ฮอนด้า ยกระดับมาตรฐานพรีเมียมเอสยูวีไทย เปิดตัว ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 5 ครั้งแรกกับขุมพลัง 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO
- พ.ย. ๒๕๖๗ ยอดส่งออกยานยนต์ฮอนด้าเพิ่มขึ้น 27% ในรอบ 10 เดือน ตรงตามเป้าส่งออกที่ตั้งไว้ 15,500 ล้านบาทในปีนี้
- พ.ย. ๒๕๖๗ การเตรียมพร้อมก่อนถึงโมนาโค กรังด์ปรีซ์, 27 พฤษภาคม 2544