กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--กทม.
กทม.เตรียมขยายบริการ ONE STOP SERVICE อีก 12 เขต ให้เป็นของขวัญปีใหม่ชาวกทม. และคาดว่าจะเปิดให้บริการศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จได้ครบทั้ง 50 สำนักงานเขต ภายในปี 2545
วันนี้ (27 พ.ย.44) เวลา 14.00 น. ที่ศาลาว่าการกทม. นายมุดตาฝ้า หมันงะ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดรูปแบบและกระบวนการให้บริการต่อประชาชนแบบ ONE STOP SERVICE ครั้งที่ 9/2544 โดยมี นางณฐนนท ทวีสิน รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายพงษ์ศักดิ์ เสมสันต์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน นายวัตตะ ฮุนพงษ์สิมานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กทม. และผู้อำนวยการเขตที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15 เขตร่วมประชุม
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้เริ่มใช้ระบบการให้บริการรูปแบบใหม่ ONE STOP SERVICE ในเขต ราชเทวีเป็นเขตแรก เมื่อวันที่ 24 ก.ค.44 และประชาชนมีผลตอบรับที่ดีกับการให้บริการดังกล่าว กทม.จึงได้ดำเนินการเปิดศูนย์ ONE STOP SERVICE เพิ่มอีก 2 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ ONE STOP SERVICE เขตบางพลัด เมื่อวันที่ 7 ก.ย.44 และเขตพระนคร เมื่อวันที่ 11 ก.ย.44 นอกจากนี้กทม.มีโครงการที่จะเปิดให้บริการศูนย์ ONE STOP SERVICE ในอีก 12 สำนักงานเขต ได้แก่ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตประเวศ เขตพญาไท เขตบางเขน เขตบางกะปิ เขตหนองจอก เขตคลองเตย เขตห้วยขวาง เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางกอกใหญ่ และเขตหนองแขม โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในทั้ง 12 สำนักงานเขต ประมาณต้นปี 2545 ซึ่งถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนชาวกทม.ด้วย นอกจากนี้คาดว่าจะสามารถดำเนินการเปิดให้บริการ ONE STOP SERVICE ได้ครบทั้ง 50 เขตภายในปี 2545
รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กล่าวต่อไปว่า กทม.ยังได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลด้านงานทะเบียนราษฎรกับฐาน ข้อมูลกลาง ของกรมการปกครอง และนำระบบ MIS มาใช้ในการจัดเก็บภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ โดย กทม.ทำข้อตกลงร่วมกับกรมการปกครองในการจะนำข้อมูลทะเบียนบ้าน ทะเบียนคน ซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลของกรมการปกครองมาใช้กับการจัดเก็บภาษีฯ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของกทม. สำหรับการให้บริการระบบ ONE STOP SERVICE ถือว่าเป็นการปฏิรูประบบการให้บริการแก่ประชาชนโดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งการให้บริการในรูปแบบดังกล่าวสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนอย่างมาก และเป็นการเพิ่มคุณภาพของการให้บริการมากขึ้น ตลอดจนลดขั้นตอนและเวลาในการติดต่องานราชการ เสริมสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่มาขอใช้บริการโดยไม่เลือกปฏิบัติ อันเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนในการติดต่อขอใช้บริการกับหน่วยงานราชการ--จบ--
-สส-