สหฟาร์ม ทุ่ม 6,000 ล้าน สร้างนิคมอุตสาหกรรมเกษตรครบวงจร

พฤหัส ๐๗ ธันวาคม ๒๐๐๐ ๑๔:๕๙
กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--สหฟาร์ม
สหฟาร์ม ยักษ์ใหญ่แห่งวงการส่งออกไก่แช่แข็ง ชู้แผนผลิตไก่แช่แข็งเพื่อการส่งออก โวเป็นผู้นำอันดับ 1 ของประเทศ มั่นใจไม่มีปัญหาการทำตลาด ชี้ต้องลดต้นทุนการผลิตเร่งสร้างศักยภาพการแข่งขัน กับตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าปี 44 เพิ่มยอดขายกว่า 10,000 ล้านบาทนายปัญญา โชติเทวัญ ประธานคณะกรรมการบริษัทสหฟาร์ม จำกัด เปิดเผยถึงโครงการนิคมอุตสาหกรรมเกษตร ครบวงจรว่า ทางบริษัทจะลงทุน 6,052 ล้านบาท เพื่อผลิตไก่สดแช่แข็งเพื่อการส่งออกครบวงจร ที่ จ.ชัยภูมิ โดยจะ เริ่มตั้งแต่โครงการฟาร์มเลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ ไปจนถึงโรงงานชำแหละไก่สดแช่แข็ง และโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จาก ไก่เพื่อการส่งออก โดยบริษัทลงทุนเองเป็นหลัก และกู้จากสถาบันการเงินที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนเล็ก น้อยเท่านั้น เช่น การกู้จากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที ) ธนาคารเพื่อการส่งออกและ นำเข้าแห่งประเทศไทย (ธนส.) เป็นต้น คาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จภายใน 36 เดือน นับจากลงนามในสัญญา เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543
สำหรับโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตไก่สดแช่แข็งอันดับหนึ่งของประเทศ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไก่สด แช่แข็งขึ้นกว่าเท่าตัว คือ จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ตันต่อปี ส่งผลให้ บริษัทมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดิม 7,000 ล้านบาท เป็นกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ทางด้านการส่งออกนั้น ทางบริษัทมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาการทำการตลาด เพราะในส่วนของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เท่าตัวนั้น มีตลาดรองรับอยู่แล้ว ส่วนแนวโน้มการส่งออกในปี 2544 มีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากกลุ่ม ประเทศที่มีการส่งออกไก่สดแช่แข็งได้เพิ่มกำลังการผลิตกันมาก ทำให้ล้นตลาดและหลังวิกฤติเศรษฐกิจความต้องการ บริโภคลดลง ผู้ส่งออกต้องแข่งขันกันด้วยการลดราคา เพื่อตัดราคากัน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและบราซิล จึงเป็น สาเหตุหลักให้ราคาขณะนี้ต่ำมาก อยู่ที่ 1,300 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากเดิมอยู่ที่ 2,800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ประกอบกับตลาดหลักที่นำเข้าไก่สดแช่แข็ง ลดการนำเข้าลง เช่น ญี่ปุ่น ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการแข่งขันดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยจะต้องเร่งปรับตัวเอง โดยเฉพาะต้องลดต้นทุนการผลิตลงโดยการทำธุรกิจแบบครบวงจร และหา ตลาดส่งออกใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดที่มีศักยภาพ และเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทในอนาคต คือ ตลาด ตะวันออกกลาง ในขณะนี้มีออร์เดอร์เข้ามาบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังมีตลาดในอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนามและพม่า เป็นต้น--จบ--
-สส-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ