กรุงเทพ--21 มิ.ย.--แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
ไฟเซอร์ฯ และวอเนอร์-แลมเบิทในประเทศไทยควบกิจการ หลังได้รับอนุมัติขั้นตอนสุดท้ายจากคณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯการควบกิจการทำให้เกิดบริษัทยาขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทยไฟเซอร์ใหม่เป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ยาและมีความสามารถด้านการขายและการตลาดที่เข้มแข็ง
กรุงเทพมหานคร, 21 มิถุนายน 2543 - ไฟเซอร์ อินเตอร์เนชันแนล และวอเนอร์-แลมเบิท เริ่มขั้นตอนของการผนวกกิจการในประเทศไทยเข้าด้วยกัน หลังจากบริษัทแม่ของทั้งสองฝ่ายได้รับอนุมัติขั้นตอนสุดท้ายจากคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ ฯ ให้ควบกิจการกันตามที่เสนอไป
บริษัทแม่ของไฟเซอร์ อินเตอร์เนชันแนล คือ ไฟเซอร์ อิงค์ มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก และบริษัทแม่ของวอเนอร์-แลมเบิท คือวอเนอร์-แลมเบิท ซึ่งตั้งอยู่ที่มอริสเพลนส์ นิวเจอร์ซี ตามข้อตกลงการควบกิจการ ไฟเซอร์ อิงค์ จะแลกเปลี่ยนหุ้นสามัญของไฟเซอร์ฯ 2.75 หุ้นต่อหนึ่งหุ้นของวอเนอร์-แลมเบิท แบบปลอดภาษี บริษัทใหม่จะมีมูลค่าทุนตามราคาตลาด 302,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ซึ่งจัดเป็นอันดับห้าของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทฯ ประมาณการว่ารายได้ปีนี้จะสูงกว่า 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
กิจการที่ผนวกรวมกันในประเทศไทยจะนำโดย มร. อมาล นาจ ผู้จัดการใหญ่ ประเทศไทยคนปัจจุบันของไฟเซอร์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของวอเนอร์-แลมเบิท อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
"ดังที่ มร. วิลเลียม ซี สเตียร์ จูเนียร์ ประธานกรรมการ ฯ และดร. แฮงค์ แมคคินเนลล์ ประธานบริษัทฯ ได้กล่าวไว้ นี่คือช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับไฟเซอร์ฯ และการรวมบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดสองบริษัทในอุตสาหกรรมทำให้เกิดผู้นำระดับโลกด้านการนวัตกรรมยา" มร.นาจ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทยของไฟเซอร์ อินเตอร์เนชันแนล กล่าว
"ในประเทศไทย เราจะรวมบริษัทที่ดีที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดสองรายในอุตสาหกรรมยาเข้าด้วยกัน ผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัทสอดคล้องและเสริมประโยชน์กัน และการรวมธุรกิจจะทำให้เกิดไฟเซอร์ อินเตอร์เนชันแนลใหม่ ซึ่งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาเฉพาะทางและหลากหลายที่สุดในประเทศไทย โดยมีความโดดเด่นที่สุดด้านยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ยาลดโคเลสเตอรอล ยารักษาโรคระบบประสาทส่วนกลาง โรคติดเชื้อ และโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือ โรคอีดี" มร. นาจ กล่าว
"ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น เราจะสามารถให้บริการผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ได้ดีขึ้น" มร. นาจ กล่าว "และในระยะยาว ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์จะได้รับประโยชน์จากงานด้านการวิจัยและพัฒนาที่ขยายขอบข่ายออกไปอันเป็นผลมาจากการควบกิจการของบริษัทแม่"
มร. นาจ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทแม่ คือไฟเซอร์ อิงค์ จะใช้จ่ายเงิน 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงกว่าของบริษัทยาอื่นใดในโลก การลงทุนครั้งนี้และครั้งต่อๆ ไปในอนาคตจะมุ่งสร้างโอกาสใหม่สำหรับการเติบโตด้วยการค้นพบนวัตกรรมทางการรักษา บริษัทไฟเซอร์ใหม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากกว่า 130 รายการสำหรับรักษาโรคและอาการต่างๆ ตั้งแต่มะเร็งจนถึงโรคหวัดธรรมดา "การค้นพบใหม่ๆ เหล่านี้หลายอย่างจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในอนาคต" มร. นาจ กล่าว
ตามทิศทางที่ดร. แมคคินเนลล์ ประธานบริษัทไฟเซอร์ฯ ได้ชี้แนะแก่บริษัทในเครือทั่วโลก มร. นาจ กล่าวว่า ไฟเซอร์ฯ ประเทศไทยจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรวมกิจการของทั้งสองบริษัทและขั้นตอนดังกล่าวจะเป็นไปโดยราบรื่นและรวดเร็วเนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของสองบริษัทมีลักษณะที่สอดคล้องเสริมประโยชน์กัน และความคล้ายคลึงกันอย่างยิ่งระหว่างสองบริษัทซึ่งมีประวัติที่ยืนยันความสำเร็จของการทำงานร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนมาแล้ว
ในประเทศไทย การรวมธุรกิจจะทำให้ไฟเซอร์ อินเตอร์เนชันแนล มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า บริษัทฯ ระบุว่าได้เริ่มขั้นตอนของการรวมกิจกรรมด้านการขาย การตลาด และการแพทย์แล้ว "ปัจจุบันไฟเซอร์ฯ และวอเนอร์-แลมเบิท มีฝ่ายขายสองฝ่ายที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว เราจะปรับโครงสร้างของฝ่ายขายออกเป็น 6 ทีม โดยให้แต่ละทีมรับผิดชอบกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาโรคแตกต่างกัน ด้วยโครงการฝึกอบรมระดับโลกของเราและการเน้นที่คุณค่าหลัก ไฟเซอร์อินเตอร์เนชันแนลใหม่ จะกำหนดมาตรฐานความเป็นเลิศขึ้นใหม่ เราไม่เพียงแต่จะใหญ่กว่าเดิมเท่านั้น แต่จะดีกว่าเดิมด้วย" มร. นาจ กล่าว
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล นิโลบล โควาพิทักษ์เทศ บริษัท แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร 257 0300 โทรสาร 257 0312--จบ--
-สส-