กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--กทม.
ที่มณฑลพิธี ภายในสวนลุมพินี เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 28 พ.ย.44 เวลา 09.00 น. นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานพิธีมหาศิวาภิเษกและสวดสดุดีพระแม่เจ้ามหาอุมาเทวี โดยมีนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ปลัดกรุงเทพมหานคร Mr. Ashok Sajjanar อุปทูตสถานเอกอัคราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย น.พ.อุดมศักดิ์ สังฆ์คุ้ม รองปลัดกรุงเทพมหานคร น.ส.อมรรัตน์ กฤตยานวัช ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ นายมหาบีร์ โกเดอร์ ประธานคณะกรรมการการดำเนินพิธีมหาศิวาภิเษกฯ คณะกรรมการดำเนินงานฯ คณะพราหมณ์ และประชาชนร่วมพิธี
นายมหาบีร์ โกเดอร์ ประธานคณะกรรมการดำเนินพิธีมหาศิวาภิเษกฯ กล่าวว่า เนื่องในมหามงคลวโรกาสเฉลิม พระชนมพรรษา ปีที่ 74 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอเชิญชวนศาสนิกชนทุกท่านร่วมในพิธีศักดิ์สิทธิ์ “มหาศิวาภิเษกและสวดสดุดีพระแม่เจ้ามหาอุมาเทวี” ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 25447 ณ ปะรำพิธี สวนลุมพินี ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมีพระชนมายุยืนนาน ทรงเป็นมิ่งขวัญ และมีพระบารมีแผ่ไพศาลปกเกล้าปกกระหม่อม ปวงพสกนิกรชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ก่อให้เกิดสันติสุขความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติสืบไป
สำหรับการประกอบพิธี มีการสวดคาถาคัมภีร์ยชุรเวทโดยพราหมณ์ 11 ท่านจากเมืองพาราณาสี ประเทศอินเดีย การสวดจัณฑีปาฐะ สดุดีพระแม่เจ้ามหาอุมาเทวี โดยพรามหณ์ 11 ท่านจากประเทศไทย การสวดกีรตนะ บูชาเทพต่างๆโดยพราหมณ์และประชาชนทั่วไปสวดร่วมกัน ฯลฯ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พี่น้องประชาชนเชื้อสายฮินดูในประเทศไทยได้จัดพิธีนี้ขึ้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2544 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นคุณูปการใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ ได้ทรงนำความเจริญ รุ่งเรืองมาสู่สังคมอย่างอเนกอนันต์โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลากหลายสาขากว่า 2000 โครงการ เปรียบดังสายธารที่หลั่งแก่แผ่นดิน ให้มีความสงบร่มเย็น พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีความผาสุกกันทั่วหน้า นอกจากนี้ยังทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกปกป้องคุ้มครอง ศาสนิกชนทุกศาสนาก่อให้เกิดความสมานฉันท์และสันติธรรมในสังคมตลอดมา
พิธีมหาศิวาภิเษกและสวดสดุดีพระแม่เจ้ามหาอุมาเทวี ซึ่งเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคลยิ่งของผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูในวันนี้นอกจากเป็นการถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และความสามัคคีกลมเกลียวของผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูและประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย ตนในนามของรัฐบาลขอ ชื่นชมท่านทั้งหลายไว้ ณ โอกาสนี้--จบ--
-นห-