กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--สสวท.
สสวท. เผยให้โรงเรียนต้นแบบนำหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการไปทดลองจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยโรงเรียนแต่ละแห่งจะต้องทำหลักสูตรสำหรับสถานศึกษาของตนเอง โดยให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่โรงเรียนอื่น โดย สสวท. จะสนับสนุนด้านวิชาการอย่างเต็มที่
จากการประชุมประสานแผนโรงเรียนต้นแบบวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงแรมรอยัลเบญจา นางนันทิยา บุญเคลือบ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2544 นี้ สสวท. จะจัดทำโรงเรียนต้นแบบจำนวนทั้งหมด 14 แห่ง ประกอบด้วยโรงเรียนสังกัด สปช.5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนรวมศูนย์ห้วยวัดแก้ว โรงเรียนวัดทศทิศ โรงเรียนบ้านสงเปลือยดงสามสิบ โรงเรียนวัดนิคมประสาทมิตรภาพ 149 และโรงเรียนวัดไทย (สินศึกษาลัย) และโรงเรียนสังกัด สช. 9 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนไผทอุดมศึกษา โรงเรียนโสมาภานุสรณ์ โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนเซนด์ดอมินิก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนบูรณะศึกษา โรงเรียนเลิศหล้าและโรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทรา
นางนันทิยา กล่าวว่า การพัฒนาโรงเรียนต้นแบบดังกล่าว ใช้รูปแบบ Whole School Approach คือพัฒนาไปด้วยกันทุกด้านทั้งโรงเรียน เพราะเด็กทุกคนจะต้องได้รับการพัฒนารอบด้าน ทั้งด้านสังคม ภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และสุขภาพร่างกาย โดยปฏิรูปให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติที่ให้นักเรียน เป็นสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับสองมือของครู "เมื่อไหร่ที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียน เมื่อนั้นครูจะสำคัญที่สุด เนื่องจากครูจะต้องทำงานหนักขึ้นเพราะจะต้องทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ให้ได้ตามความสามารถของแต่ละคน
การประชุมครั้งนี้ได้ระดมความคิดเห็นในการดำเนินงานพัฒนาการสอนและกิจกรรมของโรงเรียนต้นแบบให้เป็นไปตามปรัชญาเป้าหมายของหลักสูตร และมีความพร้อมด้านสื่อการสอนที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่โรงเรียนต่างๆ ในท้องถิ่น โดย สสวท. จะสนับสนุนด้านวิชาการและงบประมาณบางส่วน
"กระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้กำหนดหลักสูตรแกนกลางสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยให้สถานศึกษาหลักสูตรแกนกลางไปจัดทำสาระหลักสูตรที่สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น และจัดการศึกษาเอง โรงเรียนต้นแบบควรรู้ว่าจะจัดสาระหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางได้อย่างไร ซึ่งต้องทดลองหลักสูตรสำหรับสถานศึกษาของตนเอง และต้องแนะนำโรงเรียนอื่นได้ เพื่อจะได้เป็นแห่งการเรียนรู้และผู้นำทางวิชาการในท้องถิ่นต่อไป" นางนันทิยากล่าวตบท้าย--จบ--
-นห-