กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--อย.
อย.ชี้มิได้นิ่งนอนใจต่อข่าวผลข้างเคียงจากการใช้ยาโรคทางเดินอาหาร "ซิซาไพรต์" ได้นำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการยาแล้ว มติโดยสรุปให้เข้มงวดและควบคุมการใช้ยานี้อย่างเป็นระบบ ขายได้เฉพาะในโรงพยาบาล และให้ อย.เป็นศูนย์กลางการกำกับดูแลการกระจายยาเท่านั้น เผย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เห็นว่า ยานี้ยังจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยบางราย ซึ่งไม่มียาตัวอื่นใช้ทดแทน
ภญ.อังกาบ เวสโกสิทธิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายของยาซิซาไพรด์ (CISAPRIDE) ซึ่งเป็นยาสำหรับโรคทางเดินอาหาร โดยเกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ต่อหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีภาวะเสียงต่อการเกิดอาการผิดปกติของหัวใจ และเอ็นจีโอเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ถอนทะเบียนตำรับยา ว่า ในเรื่องดังกล่าว อย.มิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้นำเรื่องยาซิซาไพรด์เข้าประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมอันตรายในการใช้ยาทันที ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2543 จนถึงปัจจุบัน รวม 3 ครั้ง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาถึงผลดีและผลเสียของยาซิซาไพรด์ โดยพิจารณาทุกประเด็นอย่างกว้างขวาง และรอบคอบแล้ว ทั้งความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร และราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความเห็นสอดคล้องกับการดำเนินงานของประเทศต่าง ๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ยาดังกล่าวยังมีประโยชน์ในผู้ป่วยบางรายที่มีความจำเป็นต้องใช้และไม่มียาตัวอื่นทดแทน อย่างไรก็ตาม เพื่อจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการควบคุมการใช้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งจะนำเสนอคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียากหลักแห่งชาติ พิจารณาทบทวนรายการยานี้ในบัญชียาหลักให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อให้มีการใช้โดยแพทย์เฉพาะทางและใช้กับโรงพยาบาลที่มีระบบการกำกับ ประเมินและตรวจสอบการใช้ยาที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น มติทั้งหมดนี้ ได้นำเสนอคณะกรรมการพิจารณาเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2543 ซึ่งคณะกรรมการยาพิจารณาเห็นชอบ และมีมติจัดให้ยาซิซาไพรด์เป็นยาควบคุมพิเศษ ซึ่งจะจำหน่ายได้เฉพาะในโรงพยาบาล โดยกำหนดให้ อย.เป็นศูนย์กลางการกำกับดูแลการกระจายยา นอกจากนี้ยังให้ผู้ผลิต ผู้นำสั่งฯ และแพทย์เฉพาะทางต้องรายงานข้อมูลการผลิต นำสั่งยา และการใช้ในผู้ป่วยให้ อย.ทราบทุก 3 เดือน และให้เป็นยาที่ต้องติดตามความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ให้บริษัทผู้ผลิตและนำเข้า ปรับข้อบ่งใช้ของยาให้มีความเฉพาะเจาะจง ให้มีข้อความคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ระบุไว้ในฉลากและเอกสารกำกับยา
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ภายหลังจากคณะกรรมการยารับรองมติดังกล่าวข้างต้นแล้ว อย.จะได้ประกาศเพื่อใช้บังคับต่อไป--จบ--
-ยก-