ยกเลิก กม.ฟิล์มกรองแสง มีผล ๑ มิ.ย.นี้

พุธ ๐๒ พฤษภาคม ๒๐๐๑ ๑๔:๓๔
กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--ทำเนียบรัฐบาล
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 (ยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงติดรถยนตร์)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 (ยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงติดรถยนตร์) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงติดรถยนตร์ รวม 2 ฉบับ คือ
1. กฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522
2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 32 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเสนอว่า การผ่อนผันการบังคับใช้กฎกระทรวงเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงติดรถยนตร์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2543 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 พฤษภาคม 2544 ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน2544 จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎกระทรวงข้อ 1. และข้อ 2. ซึ่งยังมีปัญหาอยู่เป็นอันมาก กล่าวคือ
1. การกำหนดค่าของแสงเมื่อวัดผ่านกระจกและฟิล์มกรองแสงรวมกันแสงต้องผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ก็เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรม ซึ่งการกำหนดดังกล่าวมิได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับค่าความเข้มของแสงที่เหมาะสมว่าควรเป็นเท่าใด และจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุหรือาชญากรรม ก็ยังไม่มีข้อมูลโดยชัดเจนว่ามีสาเหตุเกิดจากรถที่ติดฟิล์มกรองแสงทึบแค่ไหน เพียงใด
2. ความไม่พร้อมในการปฏิบัติ
2.1 ด้านเครื่องมือตรวจวัด ขณะนี้ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ แม้ผู้ผลิตจะให้มีค่าคลาดเคลื่อนได้บวกลบสอง แต่เมื่อใช้งานจริงกลับมีความคลาดเคลื่อนเกินกว่าที่กำหนด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติกับเจ้าของรถ
2.2 สำหรับการจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถเอกชน เพื่อรองรับการตรวจสภาพของรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป ปัจจุบันมีเพียง 23 จังหวัด ซึ่งยังไม่เพียงพอและทั่วถึง และขณะนี้มีเอกชนยื่นคำขอจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถทุกจังหวัดประมาณ 1,900 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เป็นที่แน่นอนว่าสถานตรวจสภาพรถเอกชนไม่สามารถเปิดได้ทันกำหนดในวันที่ 1 มิถุนายน 2544 ทั่วประเทศ ย่อมทำให้เกิดปัญหาการปฏิบัติในการตรวจวัดฟิล์มกรองแสงกับรถยนตร์เกิน 7 ปี เป็นอย่างยิ่ง
3. ปริมาณรถยนตร์ (รถเก๋ง รถตู้ รถปิคอัพ) ที่อยู่ในข่ายต้องเปลี่ยนฟิล์มกรองแสง จากข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2544 ปรากฏดังนี้
3.1 รถยนตร์ที่จดทะเบียนทั้งประเทศมีจำนวน 5,771,755 คัน
3.2 รถยนตร์ที่ถูกบังคับตามกฎกระทรวงเรื่องฟิล์มกรองแสงตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2538 - 26 มกราคม 2544 มีจำนวน 1,896,493 คัน
3.3 รถยนตร์เก่าที่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงเรื่องฟิล์มกรองแสงเมื่อถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2544มีจำนวน 3,875,199 คัน ซึ่งเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายราคาติดตั้งฟิล์มกรองแสงตามกฎกระทรวงแล้ว จะเสียค่าใช้จ่ายในอัตราคันละประมาณ 3,000 บาท ปรากฏว่าจะต้องใช้เงินสูงมากถึง 11,625,597,000 บาท (11,625 ล้านบาทโดยประมาณ)ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยต้องเสียดุลการค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากฟิล์มกรองแสงเป็นสินค้านำเข้า--จบ--
-สส-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๕๑ BLA กวาดกำไรปี 67 รวม 3,623 ล้านบาท โตพุ่ง 42% เคาะจ่ายปันผลปี 2567 หุ้นละ 0.68 บาท รวม 1,159 ล้านบาท
๑๓:๒๓ TIDC จับมือ G42 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย พร้อมเสริมศักยภาพ AI
๑๓:๔๓ WPH ฟอร์มสวย! โชว์รายได้ปี67 ทะลุ 2,000 ลบ.โตขึ้น 39% กำไรแตะ 283 ลบ.เพิ่มขึ้น 198%
๑๓:๓๓ บลจ. ไทยพาณิชย์ ประเดิมกองทุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อม IPO กองทุนแรก SCBSBUSD6M1 เปิดเสนอขาย 24 ก.พ. 68 - 3 มี.ค. 68
๑๓:๐๓ ท่าเรือประจวบ จัดงาน Town Hall 2025 ชูแผนธุรกิจ มุ่งสู่ Blue Port
๑๓:๔๗ Kan Grooves จิ๋วแต่แจ๋ว เดี่ยวกลองสุดมันส์ พร้อมทัพนักดนตรีมากความสามารถอีกเพียบ
๑๓:๐๘ บีทูเอส Pokemon PLAY LAB Fun Fest by B2S ครั้งแรกในไทย ครบครันที่สุด สำหรับคนรักโปเกมอน
๑๓:๐๗ กรุงไทยร่วมกับ มหามกุฎราชวิทยาลัย ยกระดับการศึกษายุคดิจิทัลผ่าน Krungthai Campus Application
๑๓:๐๓ SPCG ประกาศกำไรสุทธิปี 67 ที่ 746.8 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 0.70 บาทต่อหุ้น สะท้อนฐานะการเงินแข็งแกร่ง
๑๓:๔๖ BEM NEW HORIZONS สร้างโอกาสอย่างยั่งยืน บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ