กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--กทม.
นพ.ปิยเมธิ ยอดเณร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากธนาคารโลก จัดกิจกรรมตามโครงการจัดการคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง สำหรับกิจกรรมสำคัญที่จะจัดขึ้นต่อไป คือ กิจกรรมตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต์ ในงาน “คลินิคมอเตอร์ไซค์” ระหว่างวันที่ 2-4 เม.ย.44 ณ ศูนย์รับซื้อขยะรีไซเคิล ข้างศาลาว่าการกทม. 2 (ดินแดง) โดยภายในงานจะมีบริการตรวจสอบสภาพเครื่องรถจักรยานยนต์ พร้อมปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ฟรี มีการแสดงนิทรรศการของบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ บริษัทผู้ค้าน้ำมันและน้ำมันเครื่อง ตลอดจนมีช่างทางเทคนิคและผู้รู้เชิงวิชาการ มาให้ความรู้ คำแนะนำและตอบคำถามเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์แก่ประชาชนผู้สนใจด้วย
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมที่สำคัญอีกกิจกรรมหนึ่ง คือ การจัดกิจกรรมสัมมนาผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์และผู้เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 1,000 คน โดยจะจัดขึ้น ในวันที่ 10 พ.ค.44 ระหว่างเวลา 09.00-16.30 น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง กิจกรรมในวันดังกล่าว ภาคเช้าจะมีการเสวนาบนเวทีโดยวิทยากรพิเศษจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก ตัวแทนผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ และน้ำมันหล่อลื่น เป็นต้น ในภาคบ่ายจะมีการแบ่งกลุ่มสัมมนาย่อย 20-50 กลุ่ม โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องกับการใช้รถจักรยานยนต์ เช่น ผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ กลุ่มจักรยานยนต์รับจ้าง ช่างซ่อมจักรยานยนต์ และผู้ใช้ทั่วไปได้เสนอข้อคิดเห็น เกี่ยวกับแนวทางในการลดมลพิษทางอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบสถานการณ์ปัญหามลภาวะที่เกิดจากรถจักรยานยนต์ และตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ปิดท้ายรายการด้วย Talk Show โดย อ.จตุพล ชมพูนิช หัวข้อ “ชาวมอเตอร์ไซค์ รวมหัวใจช่วยแก้ไขสิ่งแวดล้อม” และการจับสลากมอบของรางวัลแก่ผู้มาร่วมงาน
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญที่จะต้องมีการให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในการสัมมนา คือ ความแตกต่างระหว่างรถจักรยานยนต์ประเภท 2 จังหวะ และ 4 จังหวะ กล่าวคือ เครื่องยนต์ประเภท 2 จังหวะ จะปล่อยก๊าซไฮโดรคาร์บอน (ควันขาว) ซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศออกมามาก เนื่องจากน้ำมันเครื่องผสมกับน้ำมันเบนซินและจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ เมื่อน้ำมันเครื่องถูกเผาไหม้ก็จะเกิดก๊าซไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพ แต่หากเจ้าของรถเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดี และดูแลสภาพเครื่องยนต์อยู่เสมอ ก็จะลดปริมาณก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ได้ ส่วนเครื่องยนต์ประเภท 4 จังหวะ โดยหลักการแล้วจะไม่ก่อให้เกิดก๊าซไฮโดรคาร์บอน เนื่องจากน้ำมันเครื่องจะไม่ผสมกับน้ำมันเบนซินในห้องเผาไหม้ แต่ข้อเหวี่ยงจะหมุนลงไปผ่านน้ำมันเครื่องด้านล่าง และการจุดระเบิดเผาไหม้ของน้ำมันเบนซินกับอากาศจนเกิดขึ้นด้านบน อย่างไรก็ดี หากผู้ใช้ไม่ดูแลรักษาสภาพรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ ปล่อยให้เครื่องหลวม น้ำมันเครื่องก็อาจจะรั่วเข้าไปในห้องเผาไหม้ และเกิดควันขาวได้เช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ จึงควรใช้น้ำมันเครื่องที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพ และผู้ใช้รถประเภท 4 จังหวะ ก็ควรดูแลสภาพเครื่องสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษซึ่งจะส่งผลกระทบต่อส่วนรวม นอกจากนี้ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ควรเลือกซื้อน้ำมันเครื่องราคาถูก ซึ่งได้มาจากการถ่ายน้ำมันเครื่องเก่า มาฟอกสีให้เหมือนใหม่ด้วยสารกำมะถันแล้วนำมาขายในราคาถูก น้ำมันเครื่องเก่านี้เมื่อเผาไหม้จะสร้างมลพิษทางอากาศ และเป็นน้ำมันเครื่องที่ด้อยคุณภาพ ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า งานทั้ง 2 งานดังกล่าวเป็นงานที่จะทำให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้รถจักรยานยนต์ ได้ตรวจเช็ค ปรับแต่งสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดี และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็จะได้แนวทางในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ จากการระดมความคิดของนักวิชาการ ผู้จำหน่าย ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ หน่วยงาน NGOs ฯลฯ ซึ่งจะได้นำไปแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป จึงขอเชิญผู้ใช้รถจักรยานยนต์และผู้สนใจ เข้าร่วมงานคลินิคมอเตอร์ไซค์ และกิจกรรมสัมมนา ในวัน เวลา สถานที่ดังกล่าว--จบ--
-นห-