กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--กทม.
ที่โรงแรมนารายณ์ เขตบางรัก เมื่อวันที่ 15 ก.ย.43 เวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา นายมุดตาฝ้า หมันงะ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร WORKFLOW สำหรับผู้บริหาร โดยมี นางณฐนนท ทวีสิน รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสมบูรณ์ อานิกวงศ์ชัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกทม. และผู้เข้ารับการฝึกอบรมประกอบด้วย ข้าราชการระดับ 7-9 ในสายงานต่าง ๆ จากสำนัก, สำนักงานเขต จำนวน 246 คน ร่วมพิธี สำหรับการฝึกอบรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาช่วยในการบริหารและปฏิบัติงาน เป็นการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้บุคลากรของกรุงเทพมหานครให้ก้าวทันเทคโนโลยีสารสนเทศตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2540-2544) ทั้งนี้เนื่องจากการบริหารงานส่วนใหญ่ของแต่ละหน่วยงานยังมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ยุ่งยากซับซ้อนและตรวจสอบได้ยากว่าขณะนี้ปฏิบัติงานอยู่ในขั้นตอนใด จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมระบบ WORKFLOW สำหรับผู้บริหารขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็ว
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์มาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลด้านประชากรที่อาศัยอยู่ในกทม.ควรเป็นข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์และสามารถเปิดเข้าไปดูได้ กล่าวคือ โดยพื้นฐานแล้วจะต้องมีข้อมูลประชากร จำนวนบ้านเรือน การประกอบธุรกิจ และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป คือการทำให้ประชาชนสนใจต้องการเข้าไปใช้บริการในทุกสำนักงานเขต เหมือนกับการไปติดต่อธนาคารที่ได้รับความสะดวก และรวดเร็ว เอกสารผ่านไปด้วยดีเกิดการ WORKFLOW โดยจะใช้สำนักงานเขตดินแดงและเขตราชเทวีเป็นเขตนำร่อง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนในกทม. ซึ่งตนอยากเห็นการทำงานในลักษณะนี้ ภาพเช่นนี้และจะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อไป สำหรับการสัมมนาในวันนี้นอกจากจะทำให้ข้าราชการของกทม. ได้มีการพัฒนาแล้ว ในอนาคตกทม.เมื่อมีการนำเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์เข้ามาใช้มากขึ้น ก็จะทำให้ไม่เกิดแรงต้านต่อเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เพราะประชากรส่วนใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป กลัวว่าคอมพิวเตอร์จะมาแย่งงาน แต่ที่จริงเป็นการช่วยเสริมการทำงานของราชการให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งกทม.จะสร้างระบบเครือข่ายการติดต่อภายในองค์กรด้วยกันเพื่อความรวดเร็ว โดยขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อดำเนินการต่อไป คาดว่าคงใช้งบประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาท และภายใน 3-4 ปี เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์คงมีการพัฒนาก้าวไกล
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการบริหารงบประมาณที่กทม.จะนำเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์มาใช้นั้น กทม.ต้องมีการวิเคราะห์ด้านต่าง ๆ ว่า เมื่อลงมือดำเนินการไปแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง อาทิ ประหยัดงบประมาณ และมีความแม่นยำหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการปรึกษาหารือกันในรายละเอียดให้ชัดเจน อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าจะสามารถทำได้ แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ สำหรับการใช้งบประมาณของกทม.ในเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้น ตนได้อธิบายแก่สภากทม.ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ว่า เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่สำคัญและต้องใช้งบประมาณ เพื่อให้การพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เช่น คอมพิวเตอร์ ของกทม.บางหน่วยงานมีอายุการใช้งานนานกว่า 10 ปี ควรมีการเปลี่ยนเครื่องมือเครื่องใช้เป็นเครื่องใหม่ ส่วนเครื่องเก่าอาจนำไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียนสังกัดกทม. ซึ่งเรื่องนี้สภากรุงเทพมหานครเห็นด้วย และตนเชื่อว่าต่อไปกทม. ก็จะเป็นหน่วยงานที่ก้าวไกลด้านเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์อีกหน่วยงานหนึ่ง--จบ--
-นศ-