สมาพันธ์ผู้ผลิตทองคำแห่งโลกเผยไตรมาสแรกตลาดทองคำไทยสดใสแต่ไตรมาสสองส่อแววทรุด

พฤหัส ๐๒ สิงหาคม ๒๐๐๑ ๑๓:๔๖
กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย)
Gold Demand Trends วารสารรายสามเดือนของสมาพันธ์ผู้ผลิตทองคำแห่งโลกประจำไตรมาสที่หนึ่งปี 2544 ระบุปริมาณความต้องการทองคำในตลาดเมืองไทยในช่วงไตรมาสแรกเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีกลาย 17% สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 คิดเป็นยอดรวม 25.1 ตัน และเฉพาะความต้องการการใช้ทองคำรูปพรรณแตะระดับ 21.2 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสแรกของปี 2543 อย่างไรก็ตามความต้องการทองคำในตลาดเมืองไทยยังส่อแววทรุดตัวลงในไตรมาสที่สองจากผลพวงทางเศรษฐกิจ ราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง
ปริมาณการใช้ทองคำดังกล่าวได้รับการกระตุ้นจากการตัดราคาทองคำของพ่อค้าปลีกในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และมีรายงานว่าผู้ผลิตทองคำไม่สามารถรับมือกับอัตราความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยอดรวมความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนเท่ากับ 3.9 ตันหรือเพิ่มขึ้นถึง 95% จากปีที่ผ่านมา โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงผนวกกับสภาวะตลาดหุ้นที่น่าวิตกและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงส่งผลให้แรงจูงใจต่อการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นลดต่ำลงและกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดทองคำมากขึ้น
สำหรับตลาดทองคำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปริมาณความต้องการทองคำในช่วงไตรมาสแรก เท่ากับ 76.1 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยประเทศไทย เวียดนามและสิงคโปร์มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น ในขณะที่อุปทานทองคำในอินโดนีเซียและมาเลเซียลดต่ำลง ซึ่งรวมแล้วปริมาณความต้องการทองคำรูปพรรณและทองคำเพื่อการลงทุนในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น 51%
มิสฮารุโกะ ฟูกูดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาพันธ์ผู้ผลิตทองคำแห่งโลก กล่าวว่า “อัตราการบริโภคทองคำที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกนับเป็นการเริ่มต้นปีที่สร้างกำลังใจได้อย่างดีเยี่ยม และเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นอัตราการบริโภคทองคำเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอินเดียซึ่งเป็นตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกและอัตราความต้องการทองรูปพรรณในสหรัฐอเมริกาที่เติบโตสวนทางกับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และในอนาคตอันใกล้นี้ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจจะทำให้อัตราการเติบโตของตลาดทองคำในสหรัฐอเมริกาและตลาดอีกหลายแห่งลดต่ำลงแต่แนวโน้มการบริโภคทองรูปพรรณจะยังมีอยู่มาก และเราเชื่อมั่นว่าปริมาณความต้องการบริโภคทองคำในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจต่อไป เนื่องจากมีการเพิ่มงบลงทุนในส่วนของรายการส่งเสริมการขายในธุรกิจทองคำประกอบกับอานิสงค์ของกระแสแฟชั่นสีทองที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง”
ปริมาณการบริโภคทองคำรูปพรรณและทองคำเพื่อการลงทุนส่วนบุคคลในตลาดหลัก 27 แห่งของโลกเท่ากับ 826 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ของไตรมาสแรกด้วย ทั้งนี้ แนวโน้มการบริโภคทองคำรูปพรรณในไตรมาสนี้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 6% คิดเป็นยอดรวม 735 ตัน ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของปีนี้ด้วย ในทางตรงกันข้ามอุปทานทองคำเพื่อการลงทุนกลับอยู่เพียงระดับ 91 ตัน หรือลดต่ำลง 3% เมื่อเทียบกับปีกลาย
อัตราการบริโภคทองคำในประเทศอินเดียเพิ่มสูงขึ้นถึง 23% หรือเท่ากับ 243 ตัน เทียบกับสถิติที่ ตกลงของปีกลาย และมีอัตราการนำเข้าอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นถึง 26% โดยมีแรงกระตุ้นจากฤดูกาลแห่งการแต่งงานและเทศกาลรื่นเริงอื่น ๆ ประกอบกับการสั่งซื้อสินค้ามาเติมสต็อกเพิ่มขึ้นของร้านค้าปลีกหลังจากผ่านช่วงที่มีการซื้อขายทองคำกันอย่างคึกคัก
ประเทศที่สร้างสถิติใหม่ของการบริโภคทองคำในไตรมาสแรก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเพิ่มขึ้น 17% และเม็กซิโก เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีกลาย ทั้งนี้ยอดจำหน่ายทองคำรูปพรรณในสหรัฐอเมริกามีสถิติที่ดี เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากแฟชั่นเครื่องประดับทองคำชิ้นใหญ่ ๆ และจากผู้บริโภค บางส่วนที่ลดการซื้อเครื่องประดับประเภทอัญมณีราคาแพงและหันมาซื้อหาทองคำแบบเรียบง่ายแทน สืบเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้กระแสแฟชั่นสีทองยังส่งผลให้ปริมาณความต้องการบริโภคทองคำในญี่ปุ่นเพิ่มสูงกว่าปีกลายถึง 19%
เมื่อผนวกกับอัตราการบริโภคทองคำที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในตลาดทองคำที่อื่น ๆ อีกบางแห่ง ปริมาณการบริโภคทองคำในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้สามารถชดเชยอัตราการบริโภคทองคำที่ตกต่ำลงอย่างหนักใน ตุรกีและไต้หวัน ซึ่งมีสถิติลดลง 38% และ 31% ตามลำดับ สืบเนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและอุปทานทองคำเพื่อการลงทุนที่อ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปริมาณการใช้ทองคำในประเทศไทยนั้น นายแดน ศรมณี ผู้จัดการประจำประเทศไทย ได้ให้ความเห็นว่า “ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาสแรก ปริมาณการใช้ทองคำในบ้านเราจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่สำหรับไตรมาสสองนี้ ปริมาณการใช้ทองคำกลับลดลงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 25% โดยจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ปริมาณการใช้ทองคำอยู่ที่ 12 ตัน แต่สำหรับปีนี้กลับลดลงมาเหลือเพียง 9 ตัน ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากผลกระทบของเศรษฐกิจภายในประเทศไทยที่ยังทรงตัวอยู่ ราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลง ประกอบกับเป็นช่วงเปิดเทอมในภาคการศึกษาที่สอง ทำให้ผู้ปกครองหลายคนต้องนำทองคำแท่งหรือเครื่องประดับทองคำที่เก็บสะสมไว้ออกมาจำนำกับโรงรับจำนำ หรือขายที่ร้านขายทอง”
“ในส่วนของโรงรับจำนำนั้น เป็นแหล่งเงินกู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้บริโภคชาวไทย ด้วยอัตราถึง 37.2% จากข้อมูลของ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด โดยสิ่งของที่ประชนนิยมนำไปจำนำกับโรงรับจำนำมากที่สุดก็คือ สร้อยคอทองคำ 63.1% และแหวนทองคำ 16.9% ในขณะที่ร้านขายทองเป็นแหล่งเงินกู้ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นจากบรรดาผู้บริโภคเมื่อมีปัญหาทางด้านการเงิน ด้วยอัตรา 17.8% เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนโรงรับจำนำ ทำให้ช่วงระยะเวลาดังกล่าว ร้านทองต้องรับซื้อทองคืนจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ตัวเลขปริมาณการใช้ทองคำในประเทศไทยจึงลดลง เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ล้วนมีปริมาณการใช้ทองคำลดลงในไตรมาสสอง” นายแดนกล่าวสรุป--จบ--
-อน-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO