กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--กรมการขนส่งทางบก
นายปรีชา ออประเสริฐ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกฝ่ายบริหาร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าชานเมืองกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทั้ง 3 แห่งว่า สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐมได้เปิดให้เอกชนเข้าบริหารอาคารชานชาลาขนถ่ายสินค้าและคลังสินค้าไปแล้วเป็นบางส่วน สำหรับสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ขณะนี้ก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ภายในสถานีฯ แล้วเสร็จยังคงเหลือเฉพาะการก่อสร้างถนนทางเข้า-ออกสถานีฯ ซึ่งกรมทางหลวงได้จัดประกวดราคาและเร่งรัดให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคม 2543 ส่วนแห่งสุดท้ายคือสถานีขนส่งสินค้าร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2543
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า แนวทางการบริหารสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวงจะแตกต่างกับการบริหารสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล ซึ่งกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้บริหารเองโดยเปิดให้ผู้ประกอบการขนส่งรายย่อยเข้าร่วมดำเนินการ ส่วนที่สถานีขนส่งสินค้าคลองหลวงกรมการขนส่งทางบกจะประกาศเชิญชวนเอกชนยื่นประกวดข้อเสนอภายในเร็ว ๆ นี้ โดยให้เอกชนรายเดียวเข้าบริหารสถานีคลองหลวงทั้งสถานีฯ เป็นระยะเวลา 5ปี และให้เอกชนรายเดิมสามารถขอต่อสัญญาได้อีก 5 ปี รวมเป็น10 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าเอกชนรายนั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้สถานีฯ ทั้งหมด เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าดูแลความปลอดภัย ค่าดูแลสถานที่ภายในสถานีฯ เป็นต้น นอกจากนั้นจะต้องเสนออัตราค่าตอบแทนรายเดือนให้กับกรมฯ โดยในปีแรกจะมีอัตราต่ำและปรับสูงขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกจะนำรายได้จากค่าตอบแทนไปใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวงและหากแนวทางการบริหารดังหล่าวประสบความสำเร็จ กรมการขนส่งทางบกจะนำไปใช้เป็นแนวทางในการบริหารสถานีขนส่งสินค้าร่มเกล้าต่อไป
"สำหรับมาตรการห้ามรถบรรทุกระยะที่ 1ที่กำหนดห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปจอดบนถนนสาธารณะทุกสายในเขตพื้นที่โครงการเขตปลอดภัยเพิ่มวินัยจราจร 45 ตารางกิโลเมตรตลอด 24 ชั่วโมงนั้น คณะอนุกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาจารจรฯ ซึ่งมีนายพิชัย รัตตกุล รองนายก รัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้เลื่อนวันเริ่มบังคับใช้จากวันที่ 1กุมภาพันธ์ 2543 ไปเป็นวันที่ 15มิถุนายน 2543 ส่วนระยะที่ 2 ถึงระยะที่ 4 แนวทางปฏิบัติยังคงเดิม เพียงแต่เลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้ ออกไปให้สอดคล้องกับระยะที่ 1" รองธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวในท้ายที่สุด--จบ--