กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--กทม.
วันนี้ (26 ต.ค.43) เวลา 12.30 น. ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร 2 นายมุดตาฝ้า หมันงะ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมกับคณะกรรมการวิสามัญฯ เรื่องค่าธรรมเนียมการเก็บและขนสิ่งปฏิกูล โดยมีนายพิชัย ไชยพจน์พานิช ผู้อำนวยการสำนักรักษาความสะอาด กทม. และนายกิตพล เชิดชูกิตกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตประเวศ ร่วมในการประชุม
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้คณะกรรมการวิสามัญฯ สภากทม. ได้ร่วมกันพิจารณาถึงรายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมเก็บและขนสิ่งปฏิกูล เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยเรื่อง การกำจัดมูลฝอยสิ่งปฏิกูลและสิ่งเปรอะเปื้อน พ.ศ.2521 โดยแนวทางการดำเนินงานจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการขอขึ้นค่าธรรมเนียมการเก็บขนมูลฝอย และกำหนดวิธีการทิ้งขยะแก่ประชาชน กล่าวคือเดิมที่กทม.ได้เรียกเก็บค่าบริการจากประชาชนในอัตราเดือนละ 4 บาท/ขยะ 20 ลิตร น้ำหนักประมาณ 6-7 ก.ก. แต่หลังจากที่ข้อบัญญัติ ฯ ฉบับแก้ไขมีผลบังคับใช้ ค่าธรรมเนียมเก็บขนมูลฝอยของกทม. จะเก็บเพิ่มในอัตราเดือนละ 40 บาท/ ขยะ 20 ลิตร หรือปีละประมาณ 480 บาท อย่างไรก็ดีในปีแรกที่พระราชบัญญัติฯ มีผลบังคับใช้จะไม่เก็บเดือนละ 40 บาท/ 20 ลิตร เลยทีเดียว แต่จะทยอยเก็บจนครบกำหนดภายใน 4 ปี โดยปีแรกเก็บเดือนละ 10 บาท/ขยะ 20 ลิตร ปีสองเก็บเพิ่มเป็นเดือนละ 20 บาท/ขยะ 20 ลิตร ปีสามเก็บเพิ่มเป็นเดือนละ 30 บาท/ขยะ 20 ลิตร ปีที่สีเก็บเพิ่มเป็นเดือนละ 40 บาท/ขยะ 20 ลิตร และหลังจากนั้นจะคงเก็บอัตราเดือนละ 40 บาท/ขยะ 20 ลิตร ตลอดไป ทั้งนี้กทม.จะออกบิลค่าเก็บขยะให้แต่ละบ้านด้วย
รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวต่อไปว่า สำหรับเงินที่ได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเก็บขนมูลฝอยนี้กทม.มีแนวคิดจะแบ่งเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเพิ่มสำหรับพนักงานเก็บขยะ โดยแบ่งให้พนักงานขับรถที่ทำหน้าที่เป็นผู้เก็บเงิน 5 % ของเงินที่เก็บได้ในแต่ละเดือน, แบ่งให้กับผู้ที่มีความขยันในการทำงานครบตามจำนวนที่ได้รับมอบหมาย 15 % และจะเพิ่มให้กับผู้ที่มีความขยันทำงานเต็ม 100 % อีก 10 % โดยจะมีการพิจารณาจากวันที่มาทำงาน วันลา งานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะมีคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบการทำงานของพนักงานเก็บขยะเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ตามปกติ กทม.จะใช้งบฯด้านเก็บขนมูลฝอยประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท แต่ถ้าข้อบัญญัตินี้ผ่านความเห็นชอบจากสภากทม. กทม.จะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเก็บขนขยะประมาณปีละ 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายและมีรายได้เพื่อนำไปปรับปรุงในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น อย่างไรก็ดีนอกจากการเสนอขอขึ้นค่าธรรมเนียมเก็บขนมูลฝอยแล้วกทม.จะเสนอให้มีการแก้ไขวิธีการทิ้งขยะและกำหนดเวลาการทิ้งขยะ ของประชาชนเอาไว้ด้วย อาทิ จะกำหนดให้ประชาชนคัดแยกขยะแต่ละประเภทใส่ถุงไว้เพื่อลดขั้นตอนคัดแยกของเจ้าหน้าที่ เป็นต้น
อนึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ จะได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อที่จะได้ศึกษาถึงข้อดีข้อเสียทั้งหมดของแนวทางที่จะแก้ไขข้อบัญญัติฯ ดังกล่าวนี้ แล้วจะนำเสนอสภากทม. เพื่อขอความเห็นชอบในการประชุมสมัยหน้าในเดือน ม.ค.44 หากขั้นตอนทุกอย่างผ่านกระบวนการแล้ว คาดว่าข้อบัญญัติฯดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ได้ประมาณกลางปี 44--จบ--
-อน-