กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--มอลล์ เอเซีย
ซีพี รุกค้าปลีกเต็มตัว บริษัท มอลล์ เอเซีย จำกัด ประกาศตัวเป็นผู้แทนจำหน่ายรายใหญ่ พร้อมเป็นตัวแทนผู้ผลิต
ไทยเปิดตลาดการค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน
นักธุรกิจไทยมั่นใจตลาดจีน เล็งจีนยุคเข้าดับบลิวทีโอ กลายเป็นตลาดใหญ่ของโลกที่มีมูลค่ามหาศาลพบช่องทางการค้าหลังกลุ่มซี.พี. เข้าบุกเบิกธุรกิจค้าปลีกในจีน ตอบรับร่วมโครงการฯ ร่วม 100 ราย พร้อมแต่งตั้ง บริษัท มอลล์ เอเซียฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองแต่เพียงผู้เดียวในจีน
นับเนื่องจากปี พ.ศ. 2522 ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือที่ชาวจีนทั่วไปรู้จักในนาม เจิ้นต้า มีโอกาสเข้ามาบุกเบิกดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศจีน จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 22 ปี การลงทุนส่วนใหญ่เป็นโครงการธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม อาทิ โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มไก่พันธุ์ ฟาร์มสุกรพันธุ์ โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ โรงงานพรีมิกซ์ โรงงานอุปกรณ์เลี้ยงไก่ ธุรกิจผลิตรถจักรยานยนต์ ธุรกิจชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และจักรยานยนต์ รวมทั้งธุรกิจค้าปลีกและจัดจำหน่าย คือห้างโลตัสซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างแม็คโคร และโครงการศูนย์การค้า มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ในพื้นที่กว่า 240,000 ตารางเมตร ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศจีน ภายใต้ชื่อ " ซูเปอร์แบรนด์มอลล์" ตั้งอยู่ที่ลู่ เจีย จุ่ย ในเขตเศรษฐกิจพิเศษผู่ตง มหานครเซี่ยงไฮ้ และล่าสุดคือธุรกิจค้าส่งระบบสมาชิก " เจียไต๋ โฮลเซล " ซึ่งจะเปิดเร็วๆ นี้ ที่เมืองอู๋ฮั่นประเทศจีน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลจีนที่มีต่อการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในจีนเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีโครงการต่างๆในจีนกว่า 169 โครงการ ครอบคลุมอยู่ในมณฑลต่างๆ รวม 30 มณฑล จากจำนวนทั้งหมด 31 มณฑล
นายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรมทั่วไป เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะกรรมการ บริษัทเซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์ จำกัด เปิดเผยว่าสภาพเศรษฐกิจและโอกาสในการลงทุนของจีนและเมืองเซี่ยงไฮ้ มีอัตราเติบโตและแนวโน้มที่ดีมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมค้าปลีก ศูนย์การค้าต่างๆ มีอัตราเติบโตของยอดขายกว่าในปีที่ผ่านมากว่า 20 % ส่วนอุตสาหกรรมโดยรวมมีอัตราการเติบโตประมาณ 8-10 % ชาวเซี่ยงไฮ้มีส่วนการเป็นเจ้าของกิจการธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากิจการที่เป็นของเอกชนเพิ่มขึ้นถึง 26 % จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อปีที่ผ่านมามากกว่า 3 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวจีน 80 ล้านคน ถือเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 16 % จากปี 2542 ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ มีปริมาณขนถ่ายสินค้ามากเป็นอันดับ 7 ของโลก ปัจจุบันตัวเลขการลงทุนตรงจากต่างประเทศในจีน นับเป็นอันดับ 2 ของโลก และถือเป็น 2 เท่าของกลุ่มอาเซียน ยอดประมาณการเท่ากับ 40 พันล้านดอลลาร์ อัตราการเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่ที่จีนตั้งเป้าหมายว่าจะให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของเอเซีย ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะหลั่งไหลเข้าสู่มหานครเซี่ยงไฮ้ ยังมีอยู่อย่างมหาศาล จะเห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้าไปลงทุนในจีนขณะนี้มีหลายชาติ ได้แก่ ไต้หวัน ฮ่องกง สหภาพยุโรป สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อเมริกา ต่างมีความเชื่อมั่นไปลงทุนก่อตั้งธนาคารขนาดใหญ่เตรียมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถึงกว่า 40 แห่ง ในรอบปี 2000 มีการลงทุนมูลค่า 6.4 พันล้านฯ โดยมีโครงการที่ได้รับการอนุมัติ 1,814 โครงการ ในหลายอุตสาหกรรมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอุตสาหกรรม ค้าปลีก รัฐบาลจีนพยายามควบคุมการขยายสาขาของห้างต่างๆ โดยการกำหนดการออกใบอนุญาตในเขตพื้นที่ธุรกิจแต่ละแห่ง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ในส่วนธุรกิจค้าปลีกของซี.พี. ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนให้ขยายได้ โดยเฉพาะห้างโลตัสฯ มีแผนขยายเพิ่มให้ครบ 8 แห่ง ในปี 2545 จากปัจจุบันมี 5 แห่ง
" นอกจากนี้ ในปี 2008 จีนจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ที่กรุงปักกิ่ง พร้อมกันนี้จีนยังได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ในปี 2010 ซึ่งนับเป็นนิมิตรหมายอันดีต่อการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาทางด้านการค้าและเศรษฐกิจของจีนต่อไป ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจว่า โครงการซูเปอร์แบรนด์มอลล์ จะมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างแน่นอน " นายธนากรกล่าว
นายสมคิด ตันทัดวาณิชย์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มอลล์ เอเซีย จำกัด ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท เซี่ยงไฮ้คิงฮิลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการซูเปอร์แบรนด์มอลล์ ประสบความสำเร็จจากการบริหารงานขายพื้นที่ตามเป้าหมาย มีสินค้าแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงระดับโลกร่วมลงทุนประกอบธุรกิจเป็นจำนวนมาก และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตกแต่ง พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2545 นี้
หลังจากที่ บริษัท มอลล์ เอเซีย ฯ ได้ประกาศนโยบายการดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าจากประเทศไทยสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา
โดยมีนโยบายเปิดร้านในซูเปอร์แบรนด์มอลล์ ภายใต้ชื่อ " Thai Fashion Shop " เพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทแฟชั่นได้แก่ เสื้อผ้าและเครื่องหนังของไทย ร้าน " Thai Food Mart " ที่เน้นจำหน่ายสินค้าบริโภคที่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทยทุกประเภท และร้าน " Twin Diamond Club " โดยจะเปิดเป็นศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับของไทย ทั้งที่ไทยและเซี่ยงไฮ้พร้อมกัน และรับประกันคุณภาพสินค้า ทั้งสองทางเป็นรายแรกในประเทศจีน โดยขณะนี้นโยบายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตและผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อย ให้ความสนใจตอบรับเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
"เรามีพันธมิตรคือ Shanghai Friendship C.P. Co., Ltd. บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีเครือข่ายกระจายอยู่ในมลฑลต่างๆ ทั่วประเทศจีน ซึ่งจะเป็นช่องทางจัดจำหน่ายหลักอีกทางหนึ่งที่จะช่วยกระจายสินค้าไทยขยายไปสู่มลฑลหลักๆ ต่อไปในอนาคต เรามั่นใจว่า ด้วยกำลังซื้อและโอกาสทางการตลาดในประเทศจีน พร้อมด้วยศักยภาพของเครือเจริญโภคภัณฑ์ จะสามารถผลักดันและพัฒนาสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดการค้าในประเทศจีนได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยมีซูเปอร์แบรนด์มอลล์ เป็นเรือธง" นายสมคิดกล่าว
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่เห็นโอกาสและตกลงร่วมลงทุนธุรกิจครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้ประกอบการกลุ่มจิวเวลรี่ กลุ่มสินค้าประเภทแฟชั่น และผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร
โดยตัวอย่างสินค้าแฟชั่นชั้นนำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ Tasinee (Shinawatra Thai), Wove, Alberto, Borsalino, Gian Ferrente, X PAT, Miss Patou, Nuchna, เผ่าทอง ฯลฯ ส่วนสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดอยคำ, ไร่รักษมน,ริมปิง, ศรีเรือนเพ็ชรปิ่นแก้ว, แกรนด์เอเชีย, ตะไคร้, ช้อยส์, ช้อนทอง, ม้าบินปลาหมึก,เชียงใหม่วนัสนันท์ เป็นต้น
โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ให้ความเห็นว่า ตลาดจีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ทั้งในเรื่องกำลังซื้อจากจำนวนของประชากรและรายได้ประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าการลงทุนธุรกิจในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเซียได้โดยเฉพาะที่ตลาดจีน ประกอบกับการแต่งตั้งให้ บริษัท มอลล์ เอเซียฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของตนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศจีนนั้น เพราะเชื่อมั่นว่า ด้วยเครือข่ายและศักยภาพของเครือเจริญโภคภัณฑ์ จะทำให้การดำเนินการค้าสามารถทำได้จริงและมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
นอกจากนี้นายสมคิดยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีนโยบายทางการตลาดที่จะจัดรายการส่งเสริมการขายร่วมกับผู้ประกอบการและผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีภายในร้าน ซึ่งเป็นทั้งแผนการตลาดระยะสั้นและระยะยาวกว่า 5 ปี เพื่อสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าไทยที่ร่วมโครงการฯ ทั้งนี้บริษัทฯ จะเป็นผู้บริหารร้านเอง โดยจะมีผู้จัดการร้านและพนักงานขายบริหารสินค้าคงคลัง และดำเนินการขายให้เพื่อช่วยลดปัญหาด้านการบริหารการจัดการและค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการอีกด้วย และเพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าอย่างสม่ำเสมอ บริษัทฯ จะทำการศึกษาและวิจัยตลาดประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่าสินค้าไทยเหล่านี้จะไม่เพียงแต่ได้รับการวางจำหน่ายในประเทศจีนเท่านั้น แต่ในอนาคตจะสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดในระยะยาวได้อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท มอลล์ เอเซีย จำกัด
โทรศัพท์ 638-2000 ต่อ 4220--จบ--
-อน-
- พ.ย. ๒๕๖๗ มอลล์ เอเซีย จัดสัมมนา "กลยุทธ์และโอกาสการเข้าตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและผลไม้ไทยจีน" ในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2544
- พ.ย. ๒๕๖๗ มอลล์ เอเซีย ประกาศตัวเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ พร้อมเป็นตัวแทนนักธุรกิจไทย เปิดตลาดค้าปลีกในสาธารณรัฐประชาชนจีน
- พ.ย. ๑๑๔๐ สมาคมโรงแรมไทย ร่วมมือกับ บริษัท มอลล์ เอเซีย จำกัด พัฒนา "โครงการการจัดซื้อจัดหาสินค้าและวัตถุดิบผ่าน "www.ehotelthailand.com"