กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--กรมการขนส่งทางบก
นางพงศกร เลาหวิเชียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่าเพื่อพัฒนาระบบรถยนต์รับจ้าง(รถแท็กซี่มิเตอร์)ให้ได้มาตรฐานสากลสามารถให้บริการประชาชนถึงที่พักอาศัยด้วยความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยกรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้รถยนต์รับจ้างที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 26 มภาพันธ์2540เป็นต้นมาต้องติดตั้งและใช้วิทยุสื่อสารซึ่งเป็นผลให้ขณะนี้มีรถยนต์รับจ้างที่ติดตั้งวิทยุสื่อสารแล้วจำนวนประมาณ 4,500 คันสำหรับรถยนต์รับจ้างที่จดทะเบียนไว้แล้วก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นรถยนต์รับจ้างของนิติบุคคลได้รับการผ่อนผันให้ขยายเวลาบังคับสำหรับการติดตั้งวิทยุสื่อสารออกไปถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2545 ส่วนรถยนต์รับจ้างที่เป็นของบุคคลธรรมดาจะติดตั้งและใช้เครื่องสื่อสารดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ฉะนั้นเพื่อให้มาตรการดังกล่าวบรรลุผลตามที่ตั้งเป้าหมายไว้กรมการขนส่งทางบกจึงได้จัดทำโครงการตรวจสอบการติดตั้งและใช้วิทยุสื่อสารในรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่มิเตอร์) โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม2543เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถจะตรวจสอบการติดตั้งและการใช้วิทยุสื่อสารในรถยนต์รับจ้างที่เข้าตรวจสภาพตามระยะเวลาที่กำหนดทุกคัน โดยรถยนต์รับจ้างที่มีอายุใช้งานไม่เกิน 7 กำหนดตรวจสภาพปีละ 2 ครั้ง ส่วนรถยนต์รับจ้างที่มีอายุใช้งานเกิน 7 จะตรวจสภาพปีละ 3 ครั้งโดยรถยนต์รับจ้างที่ติดตั้งวิทยุสื่อสารทุกคันจะต้องมีหนังสือรับรองการมีและใช้วิทยุสื่อสารที่สังกัดอยู่เป็นหลักฐานประกอบการตรวจสภาพด้วยอธิบดีกรมการขนส่งทางบกกล่าวเพิ่มเติมว่ากรมการขนส่งทางบกยังได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถและผู้ตรวจการขนส่ง ออกปฏิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลาของโครงการเพื่อตรวจสอบรถยนต์รับจ้างตามแผนงานตรวจสอบและปราบปรามรถยนต์รับจ้าง(รถแท็กซี่มิเตอร์)ปรับแต่งมาตรค่าโดยสารพร้อมทั้งตรวจสอบการติดตั้งและการใช้งานวิทยุสื่อสารของรถยนต์รับจ้างที่อยู่ในข่ายบังคับ ตามกฎหมายหากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดและต้องนำรถไปตรวจสอบสภาพที่กรมการขนส่งทางบกต่อไปด้วยทั้งนี้คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความนิยมของประชาชนในการใช้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านศูนย์วิทยุมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาจราจรลดลงและประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางเพิ่มขี้น--จบ--