กทม.ประชุมชี้แจงนโยบาย “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง”

พฤหัส ๐๕ กรกฎาคม ๒๐๐๑ ๑๔:๑๘
กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--กทม.
เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.44) เวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง แก่ผู้อำนวยการเขต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนเขต โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสันติ อุทัยพันธุ์ เป็นวิทยากรผู้ชี้แจงแนวนโยบาย ตลอดจนระเบียบการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของกรุงเทพมหานคร
โอกาสนี้ ปลัดกรุงเทพมหานครกล่าวว่า นโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากระดับล่าง โดยการให้ชุมชนที่มีความพร้อมบริหารจัดการเงินกองทุนชุมชน ชุมชนละ 1 ล้านบาท ซึ่ง กทม.มีชุมชนเมืองอยู่ 1,596 ชุมชน และมีชุมชนบุกรุกที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ กทม.จะต้องสำรวจจำนวนชุมชน กำหนดมาตรฐานชุมชนให้ชัดเจน และพิจารณาระเบียบให้ละเอียดถี่ถ้วน ตลอดจนให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักเสมอว่าเงินงบประมาณที่นำมาใช้ในโครงการนี้เป็นงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งการบริหารจัดการทุกกระบวนการต้องถูกต้อง พร้อมให้ตรวจสอบได้ ในส่วนของกรุงเทพมหานคร จะต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธาน มีตัวแทนจากส่วนราชการต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารออมสิน และผู้ทรงคุณวุฒิร่วมด้วย ในระดับเขตก็จะมีคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับเขต มีผู้อำนวยการเขต เป็นประธาน ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชน และตัวแทนจากองค์กรภาคประชาชน เป็นอนุกรรมการ ซึ่งคณะอนุกรรมการระดับเขต จะต้องเป็นผู้จัดให้มีการคัดเลือกตัวแทนของประชาชนในชุมชน จำนวน 15 คน เพื่อเป็นคณะกรรมการกองทุนต่อไป โดยการดำเนินงานภายหลังการมีคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ฝ่ายราชการจะช่วยประสานงานและติดตามผลเท่านั้น การบริหารจัดการกองทุนจะเป็นเรื่องของภาคประชาชนทั้งสิ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการดำเนินโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ก็คือ คณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับเขตจะต้องสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนตระหนักว่า เงินกองทุนจำนวน 1 ล้านบาทที่ได้รับนั้น เป็นเงินของชุมชนที่ต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดประโยชน์แก่คนในชุมชนมากที่สุด รวมทั้งตระหนักว่าเงินทุนดังกล่าวเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่ผู้กู้จะต้องใช้คืนกองทุนในเวลาที่กำหนด โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศด้วยการสร้างรากฐานให้มีความแข็งแกร่ง การดำเนินโครงการนี้ทั้งประเทศ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 7 — 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ในส่วนของงบประมาณมีความพร้อมแล้ว โดยความร่วมมือของ 2 ธนาคาร คือ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์ (ธกส.) ปัญหาก็คือการพิจารณาชุมชนที่มีความพร้อมเพื่อให้จัดตั้งกองทุนให้ชุมชนบริหารเอง
นายอุทัย กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินการโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องกำหนดชุมชนให้ชัดเจนเพื่อให้ทราบชุมชนเป้าหมาย มีการตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับจังหวัดและคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับอำเภอ ซึ่งต้องสนับสนุนให้มีการจัดเวทีชาวบ้านเพื่อเลือกสรรคณะกรรมการกองทุนจำนวน 15 คน ประกอบด้วย ชายและหญิงในสัดส่วนที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน เนื่องจากต้องการให้สตรีมีโอกาสในการเข้ามาบริหารจัดการกองทุน เมื่อดำเนินการเลือกคณะกรรมการกองทุนแล้ว คณะกรรมการและประชาชนจะร่วมกันจัดทำระเบียบข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารกองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองของตนเอง มีแนวทางการให้กู้ยืมโดยให้วงเงินกู้ยืมรายหนึ่งไม่เกิน 2 หมื่นบาท เนื่องจากต้องการให้เงินกองทุน 1 ล้านบาท กระจายไปยังครัวเรือนต่างๆ ในชุมชนอย่างทั่วถึง หากมีผู้ต้องการกู้เงินเกินกว่าจำนวนดังกล่าว ต้องให้กรรมการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด แต่รายหนึ่งต้องไม่เกิน 5 หมื่นบาท
นายอุทัย กล่าวต่อว่า เมื่อชุมชนดำเนินการจัดตั้งกองทุนเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถขอรับการจัดสรรเงินได้ โดยยื่นแบบคำขอขึ้นทะเบียน (กทบ.2) กับธนาคารออมสิน หรือ ธกส. และเปิดบัญชีกับธนาคารซึ่งคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับอำเภอหรือเขตจะประเมินความพร้อมของกองทุนหมู่บ้านฯ เป็นรอบสุดท้าย เมื่อคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติอนุมัติเงินจัดสรรตามผลการประเมินความพร้อมแล้ว ก็จะแจ้งให้กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองทราบเพื่อติดต่อธนาคาร ทำหลักฐานรับเงินจัดสรรไปบริหารต่อไป ทั้งนี้ชุมชนที่ไม่ผ่านการประเมินความพร้อม ควรร่วมมือกันแก้ไขปัญหาข้อบกพร่อง ทำชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรเงินทุนในปีต่อไป ทั้งนี้คณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับเขตก็พร้อมจะให้การช่วยเหลืออยู่แล้ว
ด้านนายชุมพร พลรักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาชุมชน กทม. เปิดเผยว่า กทม.กำลังดำเนินการตามโครงการนี้ โดยจัดตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนระดับจังหวัด มีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธาน ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการได้ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ก็เป็นกระบวนการพิจารณาว่ามีชุมชนหรือหมู่บ้านใดบ้างที่เข้าลักษณะเป็นชุมชนเมือง และถึงแม้ว่าชุมชนจะไม่ผ่านการประเมินในปีนี้ ปีหน้าก็ยังมีโอกาสเป็นรอบที่ 2 ที่จะได้รับเงินจัดสรรตามโครงการฯ หากชุมชนใดมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักพัฒนาชุมชน กรุงเทพมหานคร อาคารศรีจุลทรัพย์ (ชั้น 15) ถ.พระรามที่ 1 เขตปทุมวัน โทรศัพท์หมายเลข 0-2613-7186--จบ--
-นห-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ