รมช. กระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ ขานรับนโยบายรัฐบาลผลักดันเกษตรอินทรีย์สู่ตลาดโลก

พุธ ๐๘ สิงหาคม ๒๐๐๑ ๑๑:๑๑
กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--เอ็น.ซี.ซี.ฯ
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม 2544 ณ ห้อง Meeting Room 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายนที ขลิบทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญในงานสัมมนา หัวข้อ "เกษตรอินทรีย์และทิศทางสู่ตลาดโลก" ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการจัดงานแสดงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมด้านผัก ผลไม้ และไม้ดอกนานาชาติ หรือ งาน HFF Asia 2001 โดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ยาร์เบอร์ เอ็กซิบิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด
ในการสัมมนาครั้งนี้ นายนที ขลิบทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวถึงเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย ว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีความตื่นตัวในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก มีการออกกฎระเบียบใช้บังคับผู้ผลิตและผู้ประกอบการกิจการค้าสินค้าเกษตร โดยคณะกรรมการบริหารงานวิจัยและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ กรมวิชาการเกษตร ได้มีการจัดทำมาตรฐานผลิตพืชอินทรีย์ของไทย (Standard for Organic Crop Production in Thailand) และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไปเล่ม 118 ตอนพิเศษ 36ง เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2544 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการเกษตรหันมาสนใจและดำเนินการผลิตสินค้าทางการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้วัสดุจากธรรมชาติแทนในทุกขั้นตอนการผลิตและแปรรูป ตลอดจนการบรรจุหีบห่อและการขนส่งก่อนถึงผู้บริโภค ซึ่งจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด และมีการตรวจสอบออกใบรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
"นโยบายของคณะรัฐมนตรี โดย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายด้านการเกษตรกรรมให้มีการฟื้นฟูและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร ด้วยการส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสาน เกษตรทางเลือก และเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แก่เกษตรกร ด้วยการพัฒนาตลาดในประเทศและสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนชนบท ด้วยการส่งเสริม การวิจัยและการเรียนรู้จากภูมิปัญญาไทย และวิทยาการสมัยใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรในตลาดโลกด้วยการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการจดทะเบียนสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับการผลิตทางการเกษตรในทุกด้าน เพื่อรองรับการเปิดเสรีสินค้าเกษตรในอนาคต โดยภาครัฐพร้อมจะให้การสนับสนุนและความร่วมมือประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับเอกชนในเรื่องสำคัญ ๆ อาทิ มาตรฐานเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์, การวิจัยเทคโนโลยีภูมิปัญญาไทยและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตลอดจนถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการติดตามขยายผลด้านการตลาด" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับมูลค่าการซื้อขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 600,000 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ทุกปี ประเทศที่มีการซื้อขายมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา, เยอรมันนี, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, อิตาลี, อังกฤษ, สวิสเซอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก และออสเตรีย ราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยเฉลี่ยสูงกว่าราคาสินค้าเกษตรทั่วไปประมาณร้อยละ 20-50 ปริมาณสินค้าเกษตรอินทรีย์รวมทั่วโลกขณะนี้มีเพียงหนึ่งส่วนจากร้อยส่วนของปริมาณสินค้าทั้งหมด
"ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์และธรรมชาติ แนวทางที่จะเร่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเกษตรอินทรีย์โลกให้เร็วขึ้นก็คือการกำหนดเป็น "เขตเกษตรอินทรีย์" ยกตัวอย่างเช่นจังหวัดภาคเหนือที่เป็นต้นน้ำลำธารและเป็นที่สูง การใช้สารเคมีทุกชนิดจะมีผลกระทบไปเกือบทั่วประเทศ ควรกำหนดให้เป็นเขตเกษตรอินทรีย์เช่นเดียวกับทุ่งกุลาร้องไห้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หากเป็นได้เช่นนี้แนวโน้มการผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ย่อมประสบผลสำเร็จแน่นอน" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
ด้าน ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพจากธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรอินทรีย์ซึ่งในระยะหลังมีการตื่นตัวกันมากในเรื่องเกษตรปลอดสารพิษ ที่เน้นระบบการผลิตพืชที่มุ่งผลิตให้ได้ผลผลิตที่ปราศจากสารพิษหรือการปนเปื้อนของสารพิษ โดยใช้มาตรฐานความปลอดภัยที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดขึ้น ซึ่งแต่ละประเทศจะกำหนดมาตรฐานแตกต่างกันออกไป สินค้าที่มาจากแหล่งผลิตดังกล่าวมักจะเป็นที่ต้องการของตลาดและขายได้ในราคาสูงกว่าปกติ และส่งผลให้การค้าพืชผลทางการเกษตรที่ผลิตจากเกษตรอินทรีย์นั้น มีข้อได้เปรียบ คือ สามารถลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศ เนื่องจากการผลิตเกษตรอินทรีย์เป็นการใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและยังช่วยลดข้อกีดกันทางการค้าในการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากต่างประเทศ ที่สำคัญจะทำให้มาตรฐานการดำรงชีพของเกษตรกรและสภาพแวดล้อมของเกษตรกรรวมถึงผู้บริโภคสูงขึ้น เนื่องจากลดความเสี่ยงจากอันตรายในสารตกค้างและสภาพแวดล้อมมีความปลอดภัยมากขึ้น
"เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดทำโครงการส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารเกษตรอินทรีย์ โดยจัดทำเป็นโครงการต่อเนื่องระยะ 5 ปี (2542-2546) ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าอาหารประเภทเกษตรอินทรีย์ (Organic Food) ในตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง งาน HFF Asia 2001 เป็นงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีทางการเกษตรและสินค้าทางการเกษตรด้านผัก ผลไม้ และไม้ดอก ไม้ประดับที่ยิ่งใหญ่ระดับเอเชียที่มีครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลที่ดีแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรภายในประเทศในการสร้างรายได้จากการส่งออก สินค้าและแลกเปลี่ยนนวัตกรรมเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ สมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมผู้ส่งออกกล้วยไม้ไทย สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย สมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 ธันวาคม 2544 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ตัวแทนประชาสัมพันธ์บริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯ
กัญญาณัฐ สุวรรณวงศ์, สุภาณี วรรณภา
Tel. 931-2982-3 Fax.931-2124
E-mail : [email protected] จบ--
-อน-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version