กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--เอ็นวิเดีย
บริษัท เอ็นวิเดีย ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเจาะตลาดกราฟิก ชิปสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งปีครึ่งก็สามารถขึ้นแซงหน้า บริษัท เอทีไอ ได้สำเร็จโดยสามารถทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับโลกอย่าง เดลล์ คอมพิวเตอร์ และ คอมแพค คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนใจจากเอทีไอ หันมาใช้กราฟิกชิปของทาง เอ็นวิเดีย แทน ส่งผลให้ในไตรมาสที่สามนี้ เอ็นวิเดีย สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ผลิคกราฟิกชิปสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอันดับหนึ่งได้เป็นครั้งแรก
"เอ็นวิเดีย สามารถเสนอสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าในขณะที่มีราคาต่ำกว่า" เดวิด ฮอดจ์สัน นักวิจัยจากบริษัท ดันดี ซีเคียวริตีส์ กล่าว
สถานการณ์ในไตรมาสที่สองที่ผ่านมา ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความรุ่งเรืองของ เอ็นวิเดีย และความเสื่อมถอยของเอทีไอ โดยข้อมูลจาก บริษัท เมอร์คิวรี รีเซิร์ส แสดงให้เห็นว่า ส่วนแบ่งการตลาดของเอทีไอในเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะนั้นลดลงจาก 39 เปอร์เซ็นต์ ลงเหลือ 36 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของ เอ็นวิเดีย นั้น เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดิม 12 เปอร์เซ็นต์ ได้ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 3 เท่าตัวในชั่วระยะเวลาเพียง1ปีเท่านั้น
สำหรับตลาดกราฟิกชิปสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะนั้น คิดเป็นราว ๆ ครึ่งหนึ่งของตลาดกราฟิกชิปโดยรวม โดยตลาดส่วนที่เหลือนั้นได้แก่ตลาดกราฟิกชิปสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้บุ๊ก,เครื่องเล่นเกม และชุดเซ็ตทอปของเครื่องรับโทรทัศน์
ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว ทาง เอ็นวิเดีย สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดได้ในทุก ๆ 6 เดือน ในขณะที่ทาง เอทีไอ นั้นใช้เวลาในการพัฒนากราฟิกชิปรุ่นใหม่อยู่นานร่วมสองปีจึงจะสามารถเข็น "เรดีออน" ออกสู่ตลาดได้ในเดือนกรกฎาคม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทาง เอ็นวิเดีย ปรากฏขึ้นเมื่อทางบริษัทสามารถพัฒนาตัวประมวลผลกราฟิก (GPU) "จีฟอร์ส" ได้สำเร็จในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นอย่างมากจน บริษัท เกตเวย์ และ คอมแพค ตกลงเซ็นสัญญาทำธุรกิจกับทาง เอ็นวิเดีย ตั้งแต่นั้นมา นอกจากนั้น เอ็นวิเดีย ยังสามารถขายชิปรุ่นนี้ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ฮิวเลตต์-แพคการ์ด, โซนี่ และ ฟูจิตสึ ซีเมนส์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ฟูจิตซี และบริษัท ซีเมนส์
นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมกล่าวว่า ความผิดพลาดของบริษัท เอทีไอ ที่ไม่สามารถพัฒนากราฟิกชิปรุ่นใหม่ ให้มีความสามารถในการประมวลผลกราฟิกได้รวดเร็วเทียบเท่ากับชิปของ เอ็นวิเดีย นั่นเอง ที่ทำให้บรรดาผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ชั้นนำอย่างคอมแพค และ เกตเวย์ เปลี่ยนใจจาก เอทีไอ และหันไปหา เอ็นวิเดีย แทน
และการที่บรรดายักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์หันมาเลือก เอ็นวิเดีย นั้น ก็ส่งผลดีต่อ เอ็นวิเดีย อย่างเกินคาด โดยส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าภายในชั่วระยะเวลาเพียง 6 เดือน นอกจากนั้นมูลค่าหุ้นของ เอ็นวิเดีย ก็เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว ในขณะที่การสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมหาศาลในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของทาง เอทีไอ ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ทาง เอทีไอ ได้ประกาศผลการประเมินดำเนินงานของทางบริษัท
แต่แม้ว่าจะสูญเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะไป ทาง เอทีไอ ก็ยังคงความเป็นอับดับหนึ่งในตลาดรวมอยู่ดี เนื่องจากในไตรมาสที่สองของปีนี้ทางบริษัทยังคงมีส่วนแบ่งมากถึง 48 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดกราฟิdชิปสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทางบริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดนี้เพียง 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น--จบ--
-สส-