กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน - มาร์สเตลเลอร์
บิ๊กซีจับมือพันธมิตรเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ขยายตลาดโรงภาพยนตร์เพิ่มฐานลูกค้าในต่างจังหวัด มุ่งเป็น One-stop shopping เอาใจลูกค้าได้ทั้งซื้อสินค้าและบริการ พร้อมเสพความบันเทิงต่างๆ ทั้งโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่ง ที่บิ๊กซี 4 สาขา
นายประพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซีมุ่งมั่นที่จะเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีความทันสมัย
โดยได้ปรับรูปแบบและเพิ่มบริการต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเมื่อมาซื้อสินค้าที่บิ๊กซี โดยจากผลสำรวจพฤติกรรมลูกค้าของบิ๊กซี พบว่ามีลูกค้าประมาณ 65% ที่มาซื้อสินค้าที่บิ๊กซีพร้อมทำกิจกรรมอื่นๆ ด้วย เช่น รับประทานอาหาร ซื้อสินค้าใน พลาซ่า ชมภาพยนตร์ โดยสัดส่วนลูกค้าที่มาซื้อสินค้าและชมภาพยนตร์จะมีประมาณ 40% ดังนั้น การร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในการเพิ่มบริการโรงภาพยนตร์ในสาขาบิ๊กซี จะเป็นการตอบรับ ความต้องการของลูกค้าบิ๊กซี ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัว รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนักศึกษาและวัยทำงานที่จะชอบมาชมภาพยนตร์หลังเลิกเรียนและเลิกงานมากขึ้น และเป็นการยกระดับบิ๊กซีให้เป็นจุดศูนย์รวมการจับจ่ายและบันเทิงแบบครบวงจรของเขตชุมชนนั้นๆ ด้วย
ล่าสุด บิ๊กซีจึงได้ร่วมลงนามความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบิ๊กซี ซึ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจ Total Entertainment Lifestyle โดยความร่วมมือดังกล่าวจะส่งเสริมให้บิ๊กซีเป็นเสมือน One-stop shopping ซึ่งนอกจากการจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ แล้ว ลูกค้ายังสามารถใช้บริการ
ในส่วนพลาซ่าที่จะมีร้านค้าเช่า ทั้งร้านอาหาร ธนาคาร ร้านขายสินค้าและบริการจำนวนมาก รวมถึง
สถานบันเทิงอย่างโรงภาพยนตร์ ทำให้ลูกค้าได้รับทั้งความสนุกสนานจากการจับจ่ายสินค้าและสรรหาความบันเทิงได้ในคราวเดียว ซึ่งสอดรับกับความต้องการของลูกค้าบิ๊กซี และเป็นการตอกย้ำจุดยืน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” ของบิ๊กซี
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการลงทุนขยายของบริษัทฯ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า มุ่งขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของแต่ละภูมิภาค ด้วยโมเดลธุรกิจการลงทุนในการขยายสาขาที่หลากหลายถึง 4 รูปแบบ คือ แบบสแตนด์อะโลน, ไปกับศูนย์การค้าหรือช็อปปิ้งเซ็นเตอร์, ดิสเคาน์สโตร์ และไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ซึ่งบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นดิสเคาน์สโตร์ที่ตรงกับโมเดลทางธุรกิจของบริษัทฯ และมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัวจำนวนมาก มีรูปแบบสาขาที่ทันสมัยและมีสาขา ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค
สำหรับความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กับ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในครั้งนี้เป็นการขยายสาขาโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่งควบคู่ไปกับดิสเคาน์สโตร์ไปยังต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มบริการความบันเทิงให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่และความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งของสองฝ่ายตลอดจน เป็นการขยายฐานลูกค้าร่วมกัน ตั้งเป้าปีหน้าเปิดโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่งในสาขาของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 3 สาขา กับแบรนด์ เมเจอร์ ซีนีพล็กซ์ ที่อยุธยา นวนคร และธัญบุรี โดยต้องการเพิ่มสัดส่วนการขยายสาขาในต่างจังหวัดให้เพิ่มขึ้นเป็น 40 % เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตมากขึ้น ที่ผ่านมา เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้เป็นพันธมิตรกับบิ๊กซี มาตั้งแต่ปี 2546 โดยเปิดให้บริการสาขาแรกกับแบรนด์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่บิ๊กซี นครสวรรค์ (ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ 5 โรง โบว์ลิ่ง 12 เลน คาราโอเกะ 9 ห้อง) ปี 2547 เปิด เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่บิ๊กซี ฉะเชิงเทรา (ประกอบด้วยโรงภาพยนตร์ 5 โรง โบว์ลิ่ง 12 เลน คาราโอเกะ 7 ห้อง) นอกจากนี้ ได้เปิดให้บริการในแบรนด์ อีจีวี เมื่อปี 2546 ที่ บิ๊กซี ราชดำริ (ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ 7 โรง) ปี 2548 เปิด อีจีวี ที่บิ๊กซี อ้อมใหญ่ และล่าสุดในปีนี้ เมื่อวันที่
11 พฤศจิกายน 2550 เปิดเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่บิ๊กซี ชลบุรี (ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ 4 โรง โบว์ลิ่ง 10 เลน คาราโอเกะ 8 ห้อง) รวมเปิดให้บริการ 5 สาขา ประกอบด้วยโรงภาพยนตร์ 26 โรง โบว์ลิ่ง 46 เลน คาราโอเกะ 36 ห้อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าในการขยายสาขาภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสัดส่วนการขยายสาขา ในต่างจังหวัดเป็น 40% และสาขาในกรุงเทพฯ 60% จากปัจจุบันที่มีสาขาในต่างจังหวัด 20% และสาขา ในกรุงเทพฯ 80% ทั้งนี้ เพื่อต้องการผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเป็น 40% และภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเป็น 60% จึงทำให้ต้องขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดควบคู่กันไป อีกทั้ง การขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดจะช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทยเนื่องจากตลาดต่างจังหวัดมีสัดส่วนของการนิยมชมภาพยนตร์ไทยมากกว่าภาพยนตร์ ต่างประเทศ และสามารถทำรายได้สูงกว่าในกรุงเทพฯ
ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีแบรนด์ที่เปิดให้บริการ 4 แบรนด์ ได้แก่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ 26 สาขา, อีจีวี 10 สาขา, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และ เอสพละนาด ซีนีเพล็กซ์ มีสาขารวมทั้งสิ้น 38 สาขา 312 โรง โบว์ลิ่ง 28 สาขา 552 เลน คาราโอเกะ 320 ห้อง
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ชื่อ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ภายใต้สโลแกน “เราให้คุณ มากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 54 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th
รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ:
สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์, สุภาภรณ์ สุธรรมโกศล
อาซิแอม เบอร์สัน - มาร์สเตลเลอร์
โทร. 02-252-9877
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป
ดารัตน์ ชินตระกูล, นัยน์ปพร สัจจวรกุล
โทร. 02-511-5427-36 ต่อ 532, 533
โทรสาร. 02-511-5821