ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่พร้อมทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดเดิม “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ระดับ “A-/Stable”

ศุกร์ ๐๕ ตุลาคม ๒๐๐๗ ๐๘:๑๐
กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมของธนาคารในระดับเดิมที่ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานภาพการเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยที่ได้รับการยอมรับ คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และความสามารถในการทำกำไร ธนาคารมีความสามารถในการขยายฐานธุรกิจเพื่อทดแทนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ลดขนาดลงเรื่อยๆ โดยจะเห็นได้จากอัตราการเติบโตของสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ธนาคารมีเงินทุนสำรองในระดับที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยแวดล้อมในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากปัญหาคุณภาพสินเชื่อสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้นในระดับสูง และจากที่ธนาคารดำรงสถานภาพเป็นธนาคารขนาดเล็กซึ่งมีเครือข่ายสาขาที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในระยะยาว ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมธนาคารเพื่อรายย่อย ประกอบกับการมีฐานลูกค้าในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงนั้นอาจส่งผลให้ธนาคารมีความอ่อนไหวต่อการขยายธุรกิจและการทำกำไรในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะสามารถรักษาระดับการทำกำไรภายใต้ภาวะแวดล้อมที่ผันผวนของธุรกิจการเงินและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่อไปอีกระยะหนึ่ง ประกอบกับธนาคารน่าจะมีความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้นในอนาคตจากการที่ธนาคารมีนโยบายจะขยายธุรกิจสู่ฐานลูกค้าที่มีประวัติคุณภาพสินทรัพย์ในระดับดีเท่านั้น แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ธนาคารมีกองทุนที่เพียงพอจะรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลดมูลค่าสินทรัพย์จากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน อย่างไรก็ตาม หากคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อแนวโน้มหรืออันดับเครดิตของธนาคารได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและสินทรัพย์รอการขายของธนาคารเกียรตินาคินจะทยอยลดขนาดลงจนหมดภายใน 3- 8 ปีข้างหน้า ผู้บริหารของธนาคารจึงได้หันมาเน้นการเพิ่มสินทรัพย์โดยดำเนินธุรกิจให้กู้ยืมที่ให้ผลตอบแทนสูง อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2550 ธนาคารมีสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อในระดับ 60% ของสินเชื่อทั้งหมด หรือ 43% ของสินทรัพย์รวม และมีสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วน 23% ของสินเชื่อรวม หรือ 21% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ธุรกิจหลักทั้ง 3 ประเภทของธนาคาร (การลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์) ช่วยสร้างรายได้และคงอัตราผลตอบแทนในระดับสูงให้แก่ธนาคาร ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมลดลงจากระดับ 14.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 เป็น 14.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2550 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับ 9.4% ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 14 แห่ง สินทรัพย์ของธนาคารได้รับผลกระทบจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดยธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนที่สูงมากถึง 67% ของฐานสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมด (5 พันล้านบาทจากทั้งหมด 8 พันล้านบาทเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2550)
จากผลของการเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อยจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ทำให้ธนาคารมีอัตราสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 1 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร ซึ่งสูงกว่าระดับ 0.8 เท่า ณ สิ้นปี 2549 นอกจากนี้ การเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีดังกล่าวยังส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงลดลงจาก 22.21% ในปี 2549 เป็น 17.4% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การที่ธนาคารมีนโยบายปล่อยสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อผลตอบแทนที่สูง โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์นั้น ธนาคารมีความจำเป็นที่จะต้องดำรงเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้สูงเพียงพอที่จะบรรเทาความเสี่ยงที่อาจจะเผชิญในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ