กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--สนพ.
กระทรวงพลังงานประกาศปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดลง 40 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นเบนซิน 95 เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศของบริษัทผู้ค้าน้ำมันออกไปก่อน หวั่นประชาชนได้รับความเดือดร้อน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลดปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ในระดับ 85 เหรียญต่อบาร์เรล ยังคงเป็นระดับที่สูงจนอาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน ดังนั้นกระทรวงพลังงานจำเป็นที่จะต้องประกาศปรับลดการจัดเก็บอัตราการนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากบริษัทผู้ค้าน้ำมันลง 40 สตางค์ต่อลิตร เพื่อบรรเทาการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศของบริษัทผู้ค้าน้ำมัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นไป
นายวีระพล กล่าวว่า การปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินนำเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในครั้งนี้ ทำให้กองทุนน้ำมันฯมีฐานะลดลง 800 ล้านบาทต่อเดือน ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายได้ จำนวน 4,342 ล้านบาทต่อเดือน และมีรายจ่าย 9,900 ล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็น ไถ่ถอนพันธบัตร 8,800 ล้านบาทต่อเดือน จ่ายชำระหนี้ชดเชยตรึงราคาน้ำมัน 0.1 ล้านบาทต่อเดือน ชำระหนี้ชดเชยราคา LPG 751 ล้านบาทต่อเดือน จ่ายชดเชยราคาน้ำมันบี100 เป็นจำนวน 100 ล้านบาทต่อเดือน จ่ายชำระดอกเบี้ยพันธบัตร 249 ล้านบาทต่อเดือน ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระหนี้สินอยู่ประมาณ 5,572 ล้านบาท และจะจ่ายชำระหนี้หมดภายในเดือนธันวาคม 2550
นายวีระพล กล่าวต่อว่า จากการที่กระทรวงพลังงานได้ประกาศปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 40 สตางค์ต่อลิตร เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิด ส่งผลให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันยังสามารถตรึงราคาขายปลีกออกไปอีก และล่าสุดบริษัทผู้ค้าน้ำมันมีค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 40 สตางค์ต่อลิตร
โดยสาเหตุของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ เป็นผลมาจากพายุพัดผ่านแหล่งผลิตน้ำมันของเม็กซิโก ทำให้ต้องหยุดการผลิต แต่ก็เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานและราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับมีปัจจัยสถานการณ์ไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ทั้งอิรักและอิหร่าน แต่ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง คือ อากาศจะไม่หนาวตามที่คาดไว้ ประกอบกับการที่โอเปค ประกาศที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน รวมทั้งจะมีกำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปจากจีนและอินเดียเพิ่มขึ้นก่อนสิ้นปี 2550
อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจโดยจะติดตามดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลจำเป็นต้องปรับตัวสูงขึ้นอีกประมาณ 1 -1.50 บาทต่อลิตร
- พ.ย. ๒๕๖๗ “กกพ.” ชูมาตรการราคา หนุนภาคธุรกิจลดพีค ลดค่าไฟ
- พ.ย. ๘๖๑๔ กกพ. ตรึงค่าเอฟที ที่ -15.90 สต.ต่อหน่วย ถึง ส.ค. 61
- พ.ย. ๒๕๖๗ กกพ. ตรึงค่าเอฟทีถึง เม.ย. 61