กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--คิธ แอนด์ คินฯ
เมอร์เมด ขยายธุรกิจ ดันบริษัทลูกเมอร์เมดฯ เดินหน้าร่วมลงทุน “เคเอ็นพีอี” ผู้ชำนาญด้านวิศวกรรมงานโครงสร้างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ในประเทศมาเลเซีย ใช้ชื่อ“เคเอ็มดี” รุกธุรกิจให้บริการขุดเจาะอุตสาหกรรมน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ มุ่งกระจายสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างครบวงจร
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซน ไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (“เมอร์เมด”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTA ได้ตกลงในสัญญาร่วมทุนระหว่าง บริษัท เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ (สิงคโปร์) จำกัด (“เอ็มดีเอส”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเมอร์เมด กับ บริษัท เคนชาน่า ปิโตรเลียม เวนเจอร์ส เอสดีเอ็น บีเอชดี (“เคพีวี”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัทเคนชาน่า ปิโตรเลียม เบอร์แฮด (“เคเอ็นพีอี”) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการขุดเจาะนอกชายฝั่ง และให้บริการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานขุดเจาะต่างๆ ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศมาเลเซีย
บริษัทที่จะจัดตั้งใหม่ จะมีชื่อว่า บริษัท เคนชาน่า เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ เอสดีเอ็น บีเอชดี (“เคเอ็มดี”) ซึ่งจะดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการขุดเจาะนอกชายฝั่ง และให้บริการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานขุดเจาะต่างๆในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศมาเลเซีย โดยจัดหาเครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงานขุดเจาะชนิดต่างๆ ไว้เพื่อบริการ เช่น เรือขุดเจาะแบบ tender เรือขุดเจาะแบบ jack-up เรือขุดเจาะแบบ submersible เเรือขุดเจาะแบบ semi-submersible เรือขุดเจาะแบบ drilling ship แท่นขุดเจาะ ตลอดจนเครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานขุดเจาะทุกประเภท
การร่วมทุนของทั้งสองบริษัท จะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจด้านงานบริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่ เมอร์เมด มีศักยภาพอยู่แล้วให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เนื่องจาก เคเอ็นพีอี เป็นหนึ่งในจำนวน 7 บริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจสร้างแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งจาก บริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซีย (“ปิโตรนัส”) กลุ่มบริษัท เคเอ็นพีอีนับเป็นกลุ่มบริษัทที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วทางด้านวิศวกรรมโครงสร้างแบบบูรณาการและการสร้างแท่นขุดเจาะ ให้แก่บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศมาเลเซีย
การที่ เคเอ็นพีอี มีเกียรติประวัติแห่งความสำเร็จทางธุรกิจ มาตลอดระยะเวลา 25 ปี และมีโครงการที่รับผิดชอบอยู่หลายร้อยโครงการ ทำให้เป็นที่รู้จักดีทั้งในและนอกประเทศ ทั้งในเรื่องความสามารถในการวางระบบงานด้านวิศวกรรมและโครงสร้างที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้ ประกอบกับ เคเอ็นพีอี ยังมีศูนย์อำนวยความสะดวกและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคในบริษัท ไว้เพื่อรับผิดชอบงานทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบอย่างครบวงจร สำหรับงานสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตทุกประเภท เครื่องมือวัด ระบบการทำงานของรางเลื่อน และโครงสร้างอื่นๆ เคเอ็นพีอี เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศมาเลเซีย หรือที่เคยเรียกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งกัวลาลัมเปอร์
ผู้ถือหุ้นของ เคเอ็มดี จะประกอบด้วย เคพีวี ถือหุ้นร้อยละ 60 และ เอ็มดีเอส ถือหุ้นร้อยละ 40 โดยใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนของเมอร์เมด โดยจะจะจัดตั้งบริษัทประมาณเดือน ตุลาคม 2550 ด้วยทุนจดทะเบียนขั้นต้น 100,000 ริงกิต แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น โดยมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 ริงกิต ส่วนมูลค่าการลงทุนที่ เอ็มดีเอส ลงทุนใน เคเอ็มดี คิดเป็นเงินจำนวน 40,000 ริงกิต หรือประมาณ 404,000 บาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ริงกิต ต่อ 10.1 บาท ซึ่งรายการดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 0.001 ของสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550
ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปริมาณความต้องการและราคาในตลาดโลกของโฮโดรคาร์บอนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงมีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจขุดเจาะในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะเติบโตต่อเนื่องเป็นเวลาอีกหลายปี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจของ เคเอ็มดี เนื่องจากกิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้มีปริมาณความต้องการในการใช้บริการเกี่ยวกับการขุดเจาะและธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
คุณบังอร แก้วบวร โทร. 02- 663-3226 ต่อ 68 มือถือ 081-904-7907
- ธ.ค. ๒๕๖๗ เมอร์เมดโชว์ผลงานต่อเนื่อง คว้าสัญญาดำน้ำในอินโดนีเซียอีก 55 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ธ.ค. ๒๕๖๗ เปิดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส 100 ปี กลุ่มบริษัท สุภัทรา จำกัด
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ช.การช่าง จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: BEM รับรางวัลหุ้นยั่งยืน ประจำปี 2562 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย