กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--Sphere Comm
บริษัท แพนดส์ กรุ๊ป โลจิสติกส์ จำกัด ประกาศร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้คอนเซป “1+1=4” ปรากฏการณ์ความร่วมมือใหม่แห่งวงการโลจิสติกส์เมืองไทย เริ่มดำเนินการความร่วมมือโครงการแรกกับการบริหารจัดการขนส่งสินค้าในท่าเรือบางปะอิน ถือเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพทางน้ำและทางบก ที่ทั้งสองบริษัทต่างมีความชำนาญงานและมีฐานลูกค้ารองรับอย่างมาก ช่วยเพิ่มพลังในการจัดการบริหารงานและฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นให้เป็นการบริการครบวงจรแบบ One Stop Service ด้วยงบประมาณการลงทุนเบื้องต้น 8 ล้าน หวังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นราว 100 ล้านบาท ต่อปี
นายธุมชาล สมิตะสิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพนดส์ กรุ๊ป โลจิสติกส์ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ และขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ กล่าวว่า “แพนดส์ คือผู้ทำธุรกิจเหมืองแร่ ที่มีประสบการณ์และความชำนาญมายาวนาน ต่อมาได้สร้างท่าเรือเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าจากการผลิตของตัวเอง จึงมีความคุ้นเคยในเรื่องการขนส่งทางน้ำ จากบกลงเรือหรือจากเรือขึ้นบก ในวันนี้การแข่งขันกันทางด้านขนส่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แพนดส์เองก็มีท่าเรือแม่น้ำตั้งอยู่ในจังหวัดอยุธยาอยู่จำนวนสองท่า คือ ท่าเรือนครหลวง และท่าเรือบางปะอิน ซึ่งล้วนเป็นท่าเรือที่อยู่ในทำเลที่สามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าเดิม ”
“แพนดส์จึงได้ตัดสินใจจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทอีเทอร์นิตี้ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารงานโลจิสติกส์ เพื่อเข้ามาบริหารจัดการท่าเรือบางปะอิน โดยเท่ากับเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งในด้านความหลากหลายในการทำธุรกิจ เพิ่มพันธมิตรมืออาชีพเพื่อมาบริหารจัดการท่าเรือบางปะอิน นอกเหนือจากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นบนความร่วมมือดังกล่าว” นายธุมชาล กล่าวเสริม
นายพูนศักดิ์ เธียไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด (มหาชน) (ETG) ผู้ประกอบการด้านขนส่งสินค้ารายใหญ่ของไทยกล่าวว่า “ทางอีเทอร์นิตี้มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจทางด้านโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกเหนือจากทางด้านพิธีการ คลังสินค้า และขนส่ง โดยปัจจุบันได้ทำเฉพาะขนส่งทางบกเป็นหลัก จึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายบริการด้านการทำการขนส่งทางเรือซึ่งถือว่าเป็นการทำโลจิสติกส์อีกทางหนึ่งที่สามารถลดต้นทุนให้ลูกค้าได้และยังจัดว่าเป็นการขนส่งอีกประเภทหนึ่งซึ่งมีต้นทุนต่ำที่สุด ประกอบกับกลยุทธ์ของบริษัทในเรื่องการทำธุรกิจร่วมกับคู่ค้า (alliance) ซึ่งเดิมทีอีเทอร์นิตี้ และ แพนดส์เองได้มีการทำงานร่วมในด้านขนส่งทางบกอยู่แล้ว ประกอบกับความต้องการที่ตรงกันของทั้งสองบริษัท คือ การขยายงานและนโยบายการทำงานร่วมกับคู่ค้า ทำให้ทั้งสองบริษัทตกลงจับมือร่วมกันทำงาน จึงกลายเป็นการผนึกกำลังทางธุรกิจในครั้งนี้”
“ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักของทาง แพนดส์ ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบทางการเกษตร และ ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ อาทิ ปุ๋ย ข้าวโพด ข้าวสาร ถั่วเหลือง เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของทาง อีเทอร์นิตี้ นั้นจะเป็นกลุ่มสินค้า Modern trade, Trading, และ Industrial ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันค่อนข้างสูง เราจึงเอาประสบการณ์และความชำนาญงานของแต่ละฝ่ายมาผสมผสานกัน นอกจากนี้การกระจายฐานลูกค้าที่ทั้งสองฝ่ายมีกันคนละกลุ่มจะทำให้สามารถเชื่อมโยงและนำฐานข้อมูลมาแลกเปลี่ยนในการขยายฐานการให้บริการได้ดีขึ้น และจากการที่ทางอีเทอร์นิตี้มีการให้บริการโลจิสติกส์ด้านอื่นๆ อาทิ บริการด้าน Customs Clearance, Inland Transport, Import/Export Service, และ Warehouse เป็นต้น ดังนั้นเพียงเชื่อมต่อบริการเข้าด้วยกันก็สามารถให้บริการได้ทันที คาดว่าจะเป็นการเปิดโหมดการขนส่งทางน้ำใหม่ ให้เป็น Inter-modal Transport ที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ดังนั้นการร่วมมือของบริษัททั้งสองในครั้งนี้จึงให้ผลลัพธ์แบบทวีคูณ จึงเป็นที่มาของแนวคิด 1+1 ได้เท่ากับ 4”
“โครงการบริหารงานการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือบางปะอินนี้ ทางอีเทอร์นิตี้ ใช้งบประมาณเบื้องต้นประมาณ 8,000,000 บาท ในส่วนของการปรับปรุง เครื่องจักร อุปกรณ์ในการขนถ่ายสินค้า สำนักงาน คลังสินค้า การลอกร่องน้ำหน้าท่า ในการร่วมพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีกปีละ 10 ล้านบาท โดยเป็นค่าบริหารจัดการในปีแรก หลังจากนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาทในปีที่ 2 และกว่า 30 ล้านบาทภายใน 3 ปี“ นายพูนศักดิ์ กล่าวเสริม
นายอดิศักดิ์ วุฒิพร รองกรรมการผู้จัดการ / ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แพนดส์ กรุ๊ป โลจิสติกส์ จำกัด กล่าวว่า “ท่าเรือบางปะอิน ถือเป็นท่าเรือที่มีศักยภาพในการขนส่งสูง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบ One stop service ด้วยที่ตั้งซึ่งอยู่ตรงส่วนของแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความกว้างของร่องน้ำลึกมากกว่า 10 เมตร มีความสะดวกในการนำเรือเข้าเทียบท่าและจอดเรือ เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เครื่องจักรพร้อมให้บริการ ส่วนพื้นที่ภายในคลังสินค้ากว้างขวางถึง 2,000 ตารางเมตร สามารถบรรจุสินค้าได้ 15,000 ตัน และพื้นที่ด้านนอก 7,000 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันมีการขนถ่ายสินค้าจากเรือประมาณ 1,500 ตันต่อวัน สำหรับสินค้าชนิดเทกอง และ 500 ตันต่อวันสำหรับสินค้าหีบห่อ
“นอกจากนั้น ที่ตั้งของท่าเทียบเรือและเครื่องชั่งรถบรรทุกสินค้ายังมีทำเลที่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในส่วนของการขนส่งวัตถุดิบเพื่อการผลิตได้เป็นอย่างดี จากท่าเรือบางปะอิน สามารถเดินทางสะดวกไปสู่เส้นทางต่างๆ เช่น เดินทางไม่เกิน 10 กม. เข้าสู่ถนนวงแหวนตะวันตก, วงแหวนตะวันออก, ถนนพหลโยธิน และ ถนนสาย 347 ดังนั้นการร่วมพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดการบริหารงาน และขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ของทั้งทางแพนดส์และอีเทอร์นิตี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว ยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งและขยายประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัททั้งสองจนถึงปลายทางในอีกทางหนึ่งด้วย”
“แพนดส์คาดว่าหลังจากที่ทาง อีเทอร์นิตี้ ได้เข้ามาบริหารงานในท่าเรือบางปะอิน จะสามารถใช้งานพื้นที่ได้อย่างเต็มกำลัง และจะได้รายรับประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปีถัดไป” นายอดิศักดิ์ กล่าวสรุปในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทีมงานประชาสัมพันธ์
อรพรรณ บัญชเสนศิริ 081-637-9643
Email: [email protected]
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ETG ร่วมทุน PANDS พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำโลจิสติกส์ในภูมิภาค
- ธ.ค. ๒๕๖๗ อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ และ แพนดส์ กรุ๊ป โลจิสติกส์ แถลงข่าว ETG ร่วมทุน PANDS พรอ้มก้าวสู่ความเป็นผู้นำโลจิสติกส์ในภูมิภาค
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: แพนดส์ กรุ๊ป จับมือ อีเทอร์นิตี้ ผนึกกำลังสร้างปรากฎการณ์ “1+1 = 4”