กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยถึงท่าทีของสหรัฐฯ ต่อการเจรจารอบโดฮาว่า นางซูซาน ชวาร์ป ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ได้กล่าวต่อสภาหอการค้าสหรัฐฯเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2550 ว่า “ผลของการเจรจารอบโดฮามีโอกาสที่จะสามารถสรุปผลได้หรือไม่นั้น ก็จะรู้ภายในไม่เกิน 4-6 สัปดาน์นี้อย่างแน่นอน”
นางชวาร์ปได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ไม่มีประเทศใดเพียงประเทศเดียวที่จะทำให้การเจรจาสามารถปิดรอบได้ แต่ความสำเร็จส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ ซึ่งหากยอมมีท่าทีเปิดตลาดให้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็น่าจะทำให้การเจรจารอบโดฮาประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ขณะนี้ยังมีคำถามที่น่าเป็นห่วงในการเจรจา ณ นครเจนีวา ว่าในข้อเสนอแนะและข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่หลายประเทศสมาชิกได้มีขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจะส่งผลให้ประเทศต่างๆ มีความเข้าใจถึงความสำคัญของการปรับตัว ยอมผ่อนปรนท่าทีให้มากที่สุด และมีความจริงใจและมุ่งมั่นในการเร่งเจรจาให้ประสบผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ล่าสุด ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานเจรจากลุ่มเจรจาสินค้าเกษตร (Ambassador Crawford Falconer) และประธานเจรจากลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Ambassador Don Stephenson) ได้จัดทำร่างความตกลงของทั้งสองฉบับเรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือให้ประทศพัฒนาแล้วเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้มากขึ้น พร้อมกับลดการอุดหนุนในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาควรยอมเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมให้มากขึ้น และย้ำว่าทั้งสองกลุ่มประเทศควรจะต้องมีท่าทีที่ผ่อนปรนลงบ้างเพื่อให้การเจรจาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ดี บราซิลและอินเดียยังมีท่าทีไม่ยอมรับในร่างความตกลงสินค้าอุตสาหกรรม
“ประเทศไทยมีท่าทีเชิงรุกมาตลอดทั้งในการเจรจาสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และไทยต้องการเห็นความคืบหน้าของการเจรจาในรอบโดฮา ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อประเทศต่างๆ ยอมหันมามีท่าทีที่ผ่อนปรนต่อกันมากขึ้น โดยไทยต้องการให้ประเทศพัฒนาแล้วอย่างเช่นสหรัฐฯ ลดการอุดหนุนในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ลงกว่าที่เป็นอยู่ และสหภาพยุโรปควรเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้มากขึ้น ส่วนประเทศกำลังพัฒนาควรยอมเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมให้มากขึ้นเช่นกัน ส่วนการเจรจาจะสามารถสรุปผลได้หรือไม่นั้น เดือนตุลาคมนี้คงจะรู้กัน” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว