สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ชี้ดัชนีหุ้นปลายปีถึง 885 จุด

อังคาร ๐๔ ธันวาคม ๒๐๐๗ ๑๗:๑๑
กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ตลท.
สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมฯ เผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ล่าสุด เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงธันวาคม 2550 — ธันวาคม 2551 โดยนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ ปลายปี 2550 ไปที่เฉลี่ย 885 จุด จากระดับ 871 จุดซึ่งสำรวจไปเมื่อเดือนสิงหาคม และเพิ่มคาดการณ์ดัชนี ณ ปลายปี 2551 อยู่ที่เฉลี่ย 1,030 จุดจากเดิม 1,000 จุด นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจปีหน้า 2551 โดยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปีหน้าจะมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 18.4 ในขณะที่ GDP Growth คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 4.9 กลุ่มธุรกิจที่แนะนำให้ลงทุนคือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน
สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงธันวาคม 2550 - ธันวาคม 2551 ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาลใหม่ แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน คาดการณ์อัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นของบริษัทในกลุ่มธุรกิจสำคัญ กลุ่มธุรกิจและหุ้นที่แนะนำให้ลงทุน และคำแนะนำให้นักลงทุน โดยมีสำนักวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์ทั้งไทยและบริษัทต่างชาติแสดงความเห็นรวม 20 แห่ง
ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงธันวาคม 2550 - ธันวาคม 2551 :
อันดับแรก นักวิเคราะห์มีความเห็นตรงกันถึงร้อยละ 85 คือ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งคาดว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้งปลายปี และสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เรียบร้อย
อันดับที่สอง มีผู้ตอบร้อยละ 35 คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่จะมีการขยายตัวดีในปี 51
อันดับที่สาม คือ กระแสเงินไหลเข้า โดยมีแนวโน้มที่เงินทุนจากต่างชาติจะไหลเข้าเอเชียอีก มีผู้ตอบร้อยละ 30
ยังมีปัจจัยบวกอื่น ๆ ได้แก่ การบริโภคที่เพิ่มขึ้น การเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ การที่ตลาดหุ้นไทยยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาค เป็นต้น
ปัจจัยลบที่สำคัญ :
อันดับแรก ที่นักวิเคราะห์ร้อยละ 80 มองตรงกัน คือ ปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีแนวโน้มชะลอตัว จากผลกระทบที่ได้รับจากปัญหาซับไพร์ม
อันดับสอง คือ ราคาน้ำมัน ที่ยังอยู่ในระดับสูง มีผู้ตอบร้อยละ 65
อันดับที่สาม มีผู้ตอบร้อยละ 35 คือ อัตราเงินเฟ้อ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
ปัจจัยลบอื่น ๆ ที่นักวิเคราะห์บางรายกล่าวถึง ได้แก่ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งอาจมีปัญหาวุ่นวายภายหลังการเลือกตั้ง การเคลื่อนย้ายเงินทุนกลับของต่างชาติ ซึ่งจะ ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีการปรับฐาน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงินบาท เป็นต้น
จากผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ในด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและการเมืองสำหรับปี 2551 เทียบกับปี 2550 พบว่า นักวิเคราะห์ร้อยละ 65 เชื่อว่า เศรษฐกิจ ในปี 2551 จะดีขึ้นจากปี 2550 เล็กน้อย โดยมีนักวิเคราะห์ร้อยละ 15 มีความเชื่อมั่นเท่าเดิม สำหรับในด้านสังคมและการเมือง นักวิเคราะห์ร้อยละ 65 เชื่อมั่นจะดีขึ้นเล็กน้อย และร้อยละ 25 มีความเชื่อมั่นเท่าเดิม
มาตรการสำคัญที่นักวิเคราะห์เสนอแนะให้รัฐบาลชุดหน้าที่มาจากการเลือกตั้ง ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม อันดับแรก คือ การผลักดันและเร่งรัดการลงทุนและใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนาดใหญ่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคขนส่งมวลชนและโลจิสติกส์ มีผู้ตอบร้อยละ 65 อันดับที่สองคือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน โดยมีผู้ตอบร้อยละ 30 ด้านกฎหมายและมาตรการสำคัญ เป็นอันดับที่สาม มีผู้ตอบร้อยละ 25 โดยนักวิเคราะห์เสนอให้เร่งสร้างความชัดเจน และใช้ความรอบคอบในการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ เช่น พรบ.ค้าปลีกค้าส่ง พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มาตรการกันสำรอง 30% เป็นต้น
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนให้เข้มแข็ง นักวิเคราะห์เสนอแนะให้รัฐบาลชุดหน้าดำเนินการในสองด้านใหญ่ ๆ คือ เพิ่มจำนวนสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ และเพิ่มจำนวนนักลงทุน โดยมีผู้ตอบร้อยละ 47 และ 37 ตามลำดับ ทั้งนี้ การเพิ่มจำนวนสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง การเพิ่มประเภทสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น เช่น เพิ่มตราสารใหม่ ๆ เกี่ยวกับ futures, options เป็นต้น และเพิ่มจำนวนบริษัท จดทะเบียน โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทจดทะเบียน และอนุญาตให้มี dual listing สำหรับการเพิ่มจำนวนนักลงทุน นั้น นักวิเคราะห์แนะนำให้ดำเนินการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับตลาดทุนให้ผู้มีเงินออมต่อไป เพื่อสร้างกลุ่มผู้ลงทุนใหม่ ๆ รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนระยะยาว เช่น เพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เป็นต้น
จากการสำรวจครั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ พบว่า นักวิเคราะห์มีการปรับตัวเลขคาดการณ์ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดย SET Index ณ สิ้นปี 2550 นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 885 จุด จากเดิมคาดไว้ 871 จุด และ SET Index ณ สิ้นปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 1,030 จุด เพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้เดิมที่ 1,000 จุด
ในครั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ สำรวจตัวเลขสำคัญสำหรับทั้งปี 2551 คือ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth ซึ่งตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 4.9% ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS Growth เฉลี่ยอยู่ที่ 18.4%
สำหรับตัวเลขสำคัญ ณ สิ้นปี 2551 นักวิเคราะห์คาดว่า อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและดอลลาร์สรอ. ณ สิ้นปีเฉลี่ยอยู่ที่ 32.9 บาท และอัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน ในปลายปี 2551 นักวิเคราะห์คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.4%
ตารางที่ 1 - ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ
ค่าเฉลี่ย ตัวเลขของ ตัวเลขของ จำนวนสำนักวิจัยที่ตอบ
ผู้คาดการณ์สูงสุด ผู้คาดการณ์ต่ำสุด
สำรวจ ณ สำรวจ ณ สำรวจ ณ สำรวจ ณ สำรวจ ณ สำรวจ ณ สำรวจ ณ สำรวจ ณ
21สค.50 28 พย.50 21สค.50 28 พย.50 21สค.50 28 พย.50 21สค.50 28 พย.50
SET Index
- ณ สิ้นปี 50 871 885 1,000 990 763 750 18 18
- ณ สิ้นปี 51 1,000 1,030 1,200 1,200 930 900 16 20
รวมทั้งปี 2551
GDP Growth 4.9 5.6 4.5 18
EPS Growth 18.4 35 4.5 19
ณ สิ้นปี2551
FOREX Bht:US$ 32.9 35 31 18
ดอกเบี้ยRP 1วัน 3.4 4.1 2.5 18
ในส่วนของประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า 2551 ประเมินจากอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ จากผลที่ได้จากแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มธนาคารมีอัตราการเติบโตสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย EPS Growth ที่ร้อยละ 126.4 อันดับสองคือ อสังหาริมทรัพย์ เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 16.6 อันดับต่อมาคือ กลุ่มปิโตรเคมี เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 13.8
ตารางที่ 2 - EPS Growth (%) ปี 2551 แยกตามกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจ ค่าเฉลี่ย
ธนาคาร 126.4
อสังหาริมทรัพย์ 16.6
ปิโตรเคมี 13.8
พลังงาน 11.2
เดินเรือ 8.1
วัสดุก่อสร้าง -3.4
นักวิเคราะห์แนะนำกลุ่มธุรกิจที่น่าลงทุนต่อไป ในอันดับต้น ๆ คือ ธนาคาร และพลังงาน สำหรับกลุ่มอื่นที่แนะนำรองลงมาคือ อสังหาริมทรัพย์รวมถึงวัสดุก่อสร้าง ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลให้สินเชื่อเติบโตขึ้น และจากการตั้งสำรองเรียบร้อยแล้วในไตรมาส 3 ปี 2550 ซึ่งจะช่วยให้กำไรมีการขยายตัว พลังงาน จะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง สำหรับกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ก็จะได้รับผลดีจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
หุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ BANPU, BAY, BBL, KBANK, PTT, PTTEP, SCB เป็นต้น (เรียงตามลำดับตัวอักษร) นอกจากนี้ เคล็ดลับการลงทุนที่นักวิเคราะห์แนะนำคือ ให้ใช้ความระมัดระวัง และพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูง โดยแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเลือกหุ้นที่ราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่เหมาะสม และมีอัตราการขยายตัวของกำไรดี มีเงินปันผลสูง
แหล่งข้อมูล...สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โทร. 02-229-2329, 02-229-2355-6 อีเมล์ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก