กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--สหกรุงทองเทรดดิ้ง
สหกรุงทองเทรดดิ้ง รุกหนักตลาดโค้งสุดท้าย ระดมสินค้ารุ่นใหม่ "ติโตนิ มาสเตอร์ซีรี่ส์ เพาเวอร์รีเสิร์ฟ” “TITONI Master Series Power-reserved" ลงตลาดรับแรงซื้อปลายปี พร้อมส่งคอลเล็กชั่นพิเศษ “สายน้ำแห่งชีวิต” ร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนม์มายุ 80 พรรษา มั่นใจดันยอดขายเติบโต 15% ตามเป้า เผยแผนปีหน้าเตรียมนำเข้านาฬิกาใหม่อีก 1-2 แบรนด์ พร้อมเบนเข็มทุ่มงบขยายสาขาในห้างเพิ่ม รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
นายคม สัจจวโรดม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท สหกรุงทอง เทรดดิ้ง จำกัด ผู้นำเข้านาฬิกาชั้นนำจากต่างประเทศ อาทิ ติโตนี, ปิแอร์การ์แดง, เพลย์บอย, คาฌาเรล เปิดเผยถึงแผนการทำตลาดในช่วงปลายปีนี้ซึ่งเป็นช่วงฤดูการขายว่า จะเน้นการขยายตลาดและเพิ่มยอดขายในกลุ่มนาฬิกาไฮเอ็นด์ ซึ่งเป็นตลาดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดนาฬิการะดับล่างค่อนข้างได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ปัจจุบันการทำตลาดนาฬิกาของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนาฬิการะดับบนได้แก่ แบรนด์ ติโตนิ, กลุ่มนาฬิกาแฟชั่น ได้แก่ แบรนด์ เพลย์บอย , ปิแอร์การ์แดง, คาฌาเรล และกลุ่มนาฬิกาเฮ้าส์แบรนด์ ได้แก่แบรนด์ โพม่า กาแรนท์ จีพี และ แซนดอสซ์
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวนาฬิกาติโตนิ รุ่นใหม่ ในกลุ่มคอลเล็กชั่น "มาสเตอร์ซีรี่ส์" ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นขายดีของติโตนิ ในชื่อรุ่น "ติโตนิ เพาเวอร์รีเสิร์ฟ” ที่เพิ่มฟังก์ชั่น Power-reserved สำหรับการบอกพลังงานการทำงานของกลไกอัตโนมัติถึงระดับ Chronometer ผ่านเข็มบนหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 6-นาฬิกา ซึ่งสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 42 ชั่วโมง คลาสสิกด้วยหน้าปัดลายกิโยเช่ ทั้งสีดำและสีงาช้าง เจาะช่องหน้าต่างแสดงวันที่ขนาดใหญ่ใต้ตำแหน่ง 12-นาฬิกา ราคา 1.2 แสนบาทบาท สำหรับสายสเตนเลส) และราคา1.16 แสนบาทสำหรับสายหนัง
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับติโตนิ เปิดคอลเล็กชั่น “สายน้ำแห่งชีวิต ใน โครงการพระราชดำริฯ ” ( TITONI The Royal Project Collection) เพื่อร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา
ความพิเศษของคอลเลคชั่นนี้คือ การถ่ายทอดพระอัจฉริยะภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทยด้วยภาพโครงการส่วนพระองค์ทั้งหมด 4 โครงการที่บันทึกลงบนหน้าปัด ด้วยเทคนิคการพิมพ์ภาพที่ได้มาตรฐานการผลิตนาฬิการะดับสวิสเมด ได้แก่ ภาพกังหันชัยพัฒนา ภาพโครงการเพื่อการเกษตร ภาพโครงการฝนหลวง และภาพโครงการเพื่อการชลประทาน พร้อมตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มีจำนวนจำกัดแค่ 80 เรือน ในราคาเรือนละ 39,999 บาท โดยรายได้จากการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่าย จะนำเข้าบริจาคแก่มูลนิธิชัยพัฒนาทั้งหมด
"การเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ของติโตนิ เป็นอีกหนึ่งในแผนของการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ หลังจากต้นปีได้มีการปรับภาพลักษณ์แแบรนด์และดีไซน์ใหม่ ให้มีทันสมัยใหม่มากขึ้น เพื่อขยายฐานมายังกลุ่มลูกค้าวัยทำงานอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมภาพลักษณ์ของติโตนี จะเป็นนาฬิกาสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 40-50 ปี ซึ่งเป็นตลาดเล็กลงเรื่อยๆ และการปรับภาพลักษณ์ใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดในกลุ่มเดียวกันได้" นายคม
กล่าว
นายคม กล่าวต่อถึงภาพรวมของตลาดนาฬิกาในปีนี้ พบว่าไม่มีอัตราการเติบโต ทั้งนี้เป็น ผลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงบรรยากาศทางการเมือง ส่งผลแง่จิตวิทยาของผู้บริโภค ทำให้ชะลอการจับจ่าย สำหรับการแข่งขันในธุรกิจนาฬิกาแฟชั่น ในปีนี้ถือว่ามีความรุนแรง เนื่องจากแต่ละบริษัทนั้นมีการนำเข้าสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดนาฬิกาไอเอ็นด์ยังเติบโตได้ เพราะทัศนคติการซื้อสินค้าของกลุ่มนี้เปลี่ยนไป ซื้อเพื่อการลงทุนมากกว่า
อย่างไรก็ดี จากการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแนะนำสินค้าใหม่ เชื่อว่า จะสามารถผลักดันยอดขายปีนี้ให้เติบโต 15% ตามเป้าหมาย แม้ว่าขณะนี้จะสามารถทำรายได้แค่ใกล้เคียงกับเป้าวางไว้เติบโต 12-13% ก็ตาม
นอกจากนี้ ในปี 2551 บริษัทมีแผนที่จะนำเข้านาฬิกาแบรนด์ใหม่อีก 1-2 แบรนด์เข้ามาทำตลาดเพิ่ม พร้อมทั้งมุ่งการขยายสาขาในห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่นิยมเดินซื้อของในห้างมากขึ้น คาดว่าจะเพิ่มอีก 2-3 สาขา ปัจจุบันมีทั้งหมด 37 สาขา ในส่วนของร้านค้า จะเน้นการทำงานแบบใกล้ชิด และการจัดโปรโมชั่น ณ จุดขายมากขึ้น โดยปีหน้า บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตให้ได้ถึง 20 % เท่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
คม สัจจวโรดม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย
โทร. 02 653 7442-4 แฟ็กซ์: 02 254 1241