กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--บ้านพีอาร์
หุ้นบริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 100 ล้านหุ้นเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 12 ธันวาคม 2550 ผู้บริหาร ระบุมั่นใจหุ้นหุ้นเพิ่มทุนได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากก่อนหน้านี้ที่กองทุนลอมบาร์ค เอเชีย ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น
นายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC ผู้ผลิตชิ้นส่วน ท่อโลหะที่ทำจากทองแดง ทองเหลือง และอลูมิเนียมเพื่อใช้ในระบบเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ และเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร รวมทั้งชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนขายให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวน 100 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 12.30 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่มีส่วนลดให้กับนักลงทุน 5.4% โดยพิจารณาจากราคาปิด ณ วันที่ 29 พ.ย. 2550 ซึ่งราคาอยู่ที่ 13.00 บาท
หุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด จำนวน 100 ล้านหุ้นได้เสนอขายให้กับบริษัทเอเชีย อินเวสเม้นท์ พาร์ทเนอร์สจำนวน 40 ล้านหุ้น ทั้งนี้บริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทเพื่อการลงทุนโดยมีกองทุน ลอมบาร์ค เอเชีย(Lombard Asia) เป็นผู้ถือครองหุ้นทั้งหมดของบริษัท และกองทุนนี้มีขนาดประมาณ 230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีนโยบายการลงทุนในระยะยาวในบริษัทที่มีการเจริญเติบโตและบรรษัทภิบาลที่ดี และส่วนที่เหลือจะเป็นการจัดสรรหุ้นให้กับกองทุนในและต่างประเทศ 50 ล้านหุ้น อีก 10 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อย สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ประมาณ 1,230 ล้านบาทนั้น บริษัทจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตประมาณ 500 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคต 450 ล้านบาท และที่เหลือบริษัทจะนำไปใช้ในการชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน โดยการลงทุนเพิ่มและการขยายการผลิตนั้น จะทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทดีขึ้น ความสามารถในการสร้างรายได้ในอนาคตปรับเพิ่มขึ้น
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้รับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร(OEM) โดยมีโรงงานที่จังหวัดระยองและจะผลิตให้กับ LG ซึ่งตอนนี้ได้เริ่มผลิตเพื่อการขายในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธ.ค ซึ่งเร็วจากแผนเดิมที่จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมกราคม 2551 เนื่องจากบริษัทสามารถทดลองการผลิตสินค้าเครื่องปรับอากาศภายในอาคารมีคุณภาพที่ทัดเทียมกับ LG ผลิตได้เอง โดยปัจจุบันมีลูกค้าต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลางและยุโรป จีน ได้เข้ามา
เจรจาติดต่อบริษัทเพื่อจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร
โดยก่อนหน้านี้ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อโรงงานผลิตและประกอบเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร(OEM) ของบริษัท ยอร์ค อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ในวงเงิน 5.20 ล้านเหรียญ สหรัฐ หรือ 180 ล้านบาทเพื่อใช้รองรับการขยายธุรกิจรับจ้างประกอบเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร(OEM) เพื่อใช้ในการส่งออก ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศภายในอาคารทั้งสิ้น 2 ล้านเครื่องต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 8 แสนเครื่องต่อปีเท่านั้น
ทั้งนี้หลังจากบริษัทได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น แล้วจะนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้หนี้ ซึ่งทำให้D/Eลดลงมาอยู่ที่ 0.5 เท่าจากปัจจุบันอยู่ที่ 2 เท่า ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้านั้นได้วางเป้าเติบโต 100% หรือที่ 7,000 ล้านบาท และจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีก ส่วนในปี 2552 คาดว่าจะทำได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท และหากในอนาคตบริษัทยังคงมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องจะใช้การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เนื่องจากตอนนี้มี D/E ที่ต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับฐานรายได้ที่ขยายตัวมากขึ้น ทั้งจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรวมถึงการรับจ้างผลิตแบบOEM
นอกจากนี้บริษัทยังมีเป้าหมายในการรักษา Net Profit Margin ให้ได้ในระดับ 6-7% ในปีนี้และต่อเนื่องไปในปีหน้าด้วย จากการควบคุมต้นทุนบริหารจัดการการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง การที่บริษัทสามารถผลิตสินคาได้จำนวนมาก ทำให้มีอำนาจในการต่อรองกับซับพลายเออร์เพิ่มขึ้น
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.แอ๊คคินซัน ประเมินราคาหุ้นบริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) ที่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนที่ราคา 12.30 บาทนั้น แนะนำให้ซื้อลงทุนภายใต้พื้นฐานของบริษัทที่ดีในระยะยาวและมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง โดยประมาณการกำไรสุทธิในปี 2550 ไว้ที่ 260 ล้านบาท และเชื่อว่าในปี 2551 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 468 ล้านบาท เนื่องจากในปีหน้าจะขยายกำลังการผลิตได้อย่างครบวงจร ประกอบกับยังมีออเดอร์จำนวนมาก ที่จะสามารถรับรู้รายได้ในปีหน้าที่เพิ่มขึ้นมากกว่าในปีนี้ จึงทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิในปีหน้าโดดเด่น โดยให้ราคาพื้นฐานปี 2551 ที่หุ้นละ 15.60 บาท
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์ (เอ๋)
คุณจินตนา ระย้าเพ็ชร์ (ส้ม)
บริษัท บ้านพีอาร์ จำกัด
โทร. 02 292-9383 และ 02 292-9737