หัวเว่ยได้รับเลือกเป็นผู้ติดตั้งเครือข่ายหลักระบบแพคเก็ตสวิตช์ในยุโรปให้กับบริษัท ที-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล

กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--Francom Asia
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นล้ำสมัยสำหรับเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมให้แก่ผู้ประกอบการทั่วโลก ได้รับคัดเลือกจากบริษัท ที-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล (T-Mobile International) ให้เป็นผู้จัดหาเครือข่ายหลักระบบแพคเก็ตสวิตช์ (Packet Switched Core Network: PS-CN) ในยุโรป 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ และสาธารณรัฐเชก
ภายใต้สัญญาดังกล่าว หัวเว่ยจะเป็นผู้ติดตั้งอุปกรณ์เครือข่าย PS-CN รุ่นใหม่แทนเครือข่ายเดิม โซลูชั่นล้ำสมัยของหัวเว่ยสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของที-โมบาย ในการแข่งขันในอนาคต นอกจากนี้ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ยทางด้านเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายแห่งโลกอนาคต (Next Generation Mobile Network: NGMN) ยังช่วยสนับสนุนกลยุทธ์การพัฒนาการลงทุนในระยะยาวของที-โมบาย ด้วย
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 หัวเว่ยได้รับเลือกเป็นผู้จัดหาโครงสร้างพื้นฐานและแอพลิเคชั่นเครือข่าย IP Multimedia Subsystem (IMS) ให้กับบริษัท Magyar Telekom ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ดอยช์ เทเลคอม (Deutsche Telekom) และรับผิดชอบสายธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐานในประเทศฮังการี สัญญากับที-โมบายครั้งนี้ถือเป็นเครื่องตอกย้ำความสำเร็จของหัวเว่ยในการทำงานร่วมกับที-โมบาย และถือเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญของทั้งสองบริษัท
มร. Joachim Horn ประธานฝ่ายเทคนิคของ ที-โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “เราเชื่อว่า หัวเว่ยเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ และความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเราจะพัฒนาในระยะยาวต่อไป และด้วยโซลูชั่นล้ำหน้าของหัวเว่ย ที-โมบายจะสามารถนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมและน่าเชื่อถือแก่ลูกค้า อีกทั้งยังสามารถบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์เชิงธุรกิจอีกด้วย”
มร. วิลเลียม ซู (William Xu) ประธานบริษัทหัวเว่ยในภูมิภาคยุโรปและรองประธานบริหารของหัวเว่ย กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับที-โมบาย และอยากเริ่มงานโครงการใหม่นี้โดยเร็วที่สุด นอกจากหัวเว่ยจะจัดหาโซลูชั่นล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ระบบบิลลิ่งอัจฉริยะ และการผนวกรวมของ 2G และ 3G แบบเต็มรูปแบบแล้ว หัวเว่ยยังมุ่งมั่นนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมและการส่งมอบที่รวดเร็วให้แก่ที-โมบายอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย”