กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘AA (tha)’ แก่หุ้นกู้ค้ำประกันทั้ง 3 ชุด จำนวน 7.6 พันล้านบาท ของบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2551 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2553 และชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ดังกล่าว สะท้อนถึงการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้จากบริษัท โฮลซิม ลิมิเต็ด จำกัด (Holcim) ในวงเงินค้ำประกันที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 8.8 พันล้านบาท ซึ่งสามารถครอบคลุมการชำระหนี้ภายใต้หุ้นกู้ดังกล่าวได้เต็มจำนวน Holcim ได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Issuer Default Rating) ที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งมีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (International Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ของประเทศไทยที่ระดับ ‘A’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ อยู่ 2 อันดับ ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ค้ำประกันดังกล่าวจึงมีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทยที่ระดับ ‘AAA (tha)’ อยู่ 2 อันดับเช่นกัน ทั้งนี้ฟิทช์กล่าวว่าความแตกต่างระหว่างอันดับเครดิตของ Holcim และของประเทศไทยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้ โดยที่การปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตสากลหนึ่งอันดับอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตภายในประเทศมากกว่าหนึ่งอันดับได้
อันดับเครดิตของผู้ค้ำประกันหรือ Holcim สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายซีเมนต์ และหินก่อสร้าง ด้วยยอดขายกว่า 2.4 หมื่นล้านฟรังก์สวิสและกำลังการผลิตซีเมนต์กว่า 190 ล้านตันในปี 2549 นอกจากนี้กลุ่ม Holcim ยังมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีการกระจายกิจการครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดละตินอเมริกา ยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว ความสามารถในการขยายกิจการเพื่อเข้าถึงตลาดทั่วโลกอย่างกว้างขวางนี้เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของ Holcim ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของวัฏจักรธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาด้วย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ประกอบกับอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ของ Holcim ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจเดียวกัน รวมถึงโครงสร้างหนี้สินที่ค่อนข้างดี และยังได้รับการยืนยันจากผู้ถือหุ้นของ Holcim ในความพยายามที่จะรักษาสถานะดังกล่าวไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามฟิทช์ชี้ว่าการเข้าซื้อกิจการของ Holcim ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทในระยะเวลาชั่วคราว โดยฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EBITDA) ของ Holcim อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2.3 เท่า ณ สิ้นปี 2550 (ณ สิ้นปี 2549 อยู่ที่ 2.1 เท่า) ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นเพดานสูงสุดที่ฟิทช์เห็นว่ายังเหมาะสมกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน ในกรณีที่ Holcim ไม่สามารถรักษา Net Debt/EBITDA ให้ต่ำกว่า 2.3 เท่า ได้ภายใน 18 เดือนแล้ว อาจมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ถูกจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยในปี 2541 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อระดมทุนและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย ไทย ร็อค-เซม จำกัด จำนวน 51% และโดยบริษัทโฮลเดอร์ฟิน บีวี จำนวน 49% โดยหุ้นของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด จำนวน 49% ถูกถือโดยบริษัทโฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก 100% ของบริษัทโฮลเดอร์ฟิน บีวี ที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย Holcim ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้