กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--ก.พ.
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธย พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 แล้ว มีผลบังคับใช้ 26 ม.ค.2551 สำนักงาน ก.พ. เชิญประชุมผู้อำนวยการศูนย์บริหารการปรับเปลี่ยนระบบบริหารทรัพยากรบุคคล ย้ำข้าราชการกระตือรือร้นปรับการทำงานรองรับระบบใหม่
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2551 แล้ว มีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 มกราคม 2551 และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่ระบบใหม่ประมาณ 1 ปี ซึ่งสัปดาห์หน้าทางสำนักงาน ก.พ. เตรียมเชิญผู้อำนวยการศูนย์บริหารการปรับเปลี่ยนระบบบริหารทรัพยากรบุคคลกระทรวงทั้ง 19 กระทรวง ประชุมเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงาน โดยมอบหมายให้ที่ปรึกษาระบบราชการ ของสำนักงาน ก.พ. ทำงานควบคู่ไปกับศูนย์ฯ กระทรวง เพื่อให้การปรับเปลี่ยนระบบใหม่เป็นไปด้วยความราบรื่น
โดยสำนักงาน ก.พ. จะได้จัดการชี้แจง เพื่อเตรียมการปรับใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 กับผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ กระทรวงทั้ง 19 กระทรวง โดยจะมีการอธิบายให้ทราบถึงสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 สาระสำคัญของการปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง แนวทางในการปรับตำแหน่งเข้าสู่ระบบใหม่และแนวทางในการบริหารทรัพยากรบุคคลตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551
ด้านนายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า ศูนย์บริหารการปรับเปลี่ยนระบบบริหารทรัพยากรบุคคลกระทรวงทั้ง 19 กระทรวง หรือศูนย์ฯ กระทรวง มีรองปลัดกระทรวง ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ รับผิดชอบงานด้านบริหารทรัพยากรบุคคลของกระทรวง โดยมีผู้แทนของกรมต่างๆ หรือผู้อำนวยการสำนักบริหารกลางของสำนักงานปลัดกระทรวง ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ ส่วนจำนวนผู้ปฏิบัติงานกระทรวงสามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสม ศูนย์ฯ กระทรวงทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภายในหน่วยงาน อาทิ การกำหนดตำแหน่ง การกำหนดมาตรฐานค่าตอบแทน เป็นศูนย์กลางในการสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล การพัฒนาข้าราชการให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพ รวมทั้ง การทำหน้าที่สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจแก่ข้าราชการในกระทรวงเป็นสื่อกลางในการรับฟังปัญหาของข้าราชการ
นายปรีชา กล่าวในตอนท้ายว่า กระทรวง กรม และส่วนราชการต่างๆ จะร่วมกับสำนักงาน ก.พ. จัดทำแผนการปรับใช้ระบบบริหารทรัพยากรบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 รวมถึงทำการวิเคราะห์สภาพปัญหา หาแนวทางแก้ไข ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารงานภาครัฐแนวใหม่มีความทันสมัย สัมฤทธิ์ผลสูงสุด
ข้าราชการสามารถแสดงศักยภาพในการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ได้รับค่าตอบแทนตามความสามารถ และได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนเดิมทุกประการ การปฏิบัติราชการแนวใหม่นี้ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของส่วนราชการมากยิ่งขึ้น
- พ.ย. ๒๕๖๗ บี.กริม มอบข้าวสารเกษตรอินทรีย์ จำนวน 10 ตัน มูลค่า 6 แสนบาท ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านโครงการ "บี.กริม ปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19"
- พ.ย. ๒๕๖๗ มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มอบยาและเวชภัณฑ์ ให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 220 โรงเรียนทั่วประเทศ
- พ.ย. ๒๕๖๗ วธ. - เชิดชูเกียรติและแสดงความยินดีแด่สตรีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหาร