ผลวิจัยระบุ 7 เคล็ดลับ ช่วยรักษาความทรงจำให้ยืนยาว ย้ำการกินอาหารถูกหลักโภชนาการ และการออกกำลังกายมีส่วนสำคัญ

พฤหัส ๓๑ มกราคม ๒๐๐๘ ๑๑:๐๑
กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--เนสท์เล่
ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ แสดงรายงานผลการศึกษาวิจัยของ ดร. สเตฟานี สติวเดนสกี้ แห่งโรงเรียนแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยพิสเบอร์ก และเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมผู้สูงอายุของอเมริกันและร่วมจัดงานประชุมวิชาการเรื่อง “ความทรงจำที่ยืนยาว” ระบุว่าสมองมีพัฒนาการอย่างเต็มที่ในช่วงวัยรุ่น สามารถต้านการเสื่อมของความจำลงได้ ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับการสร้างมวลกระดูกในช่วงวัยรุ่นที่สามารถช่วยป้องกันการหักของกระดูกในวัยชราลงได้เช่นกัน
ดร. สติวเดนสกี้ เปิดเผยข้อมูลจากการศึกษาว่า “วิธีการที่ทำให้สมองมีสุขภาพที่ดีในวัยชรามีหลายองค์ประกอบ อาทิเช่น การออกกำลังกาย และให้มีสติอยู่ตลอด รวมทั้งการดำเนินชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี แต่ทว่าสิ่งสำคัญก็คือ เซลล์สมองมีพัฒนาการมากในช่วงต้นของชีวิต โดยทุกคนจะมีส่วนของเนื้อเยื่อสมองหรือพื้นที่ความจำจำนวนมาก มีหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการสร้างเซลล์สมองขณะที่มีอายุน้อยมีส่วนป้องกันการเสื่อมลงของเซลล์สมองที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละวัน ดังนั้นแม้เมื่อเข้าสู่วัยชราสมองก็ยังจะสามารถทำงานต่อได้ กระบวนการสร้างสมองพบว่าเหมือนกับการสร้างกระดูก โดยเมื่อการสร้างกระดูกในขณะที่มีอายุน้อยนั้นมีความแข็งแรง ถ้าเกิดมีการสูญเสีย ก็จะทำให้สูญเสียกระดูกเพียงเล็กน้อยโดยไม่ถึงจุดที่ทำให้กระดูกหัก”
นอกจากนี้ ดร.สติวเดนสกี้ ยังได้ให้เคล็ดลับในการรักษาสติปัญญาในวัยชราให้มีความเฉียบคมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งประกอบด้วย
1. การกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยเลือกอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำแต่อุดมไปด้วยผักและผลไม้ รวมทั้งกลุ่มวิตามินบีที่เป็นประโยชน์ต่อสมอง ควรรับประทานปลาหลายๆ ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะปลาที่มีกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอนและปลาทูน่า
2. การออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การเต้นรำ การขี่จักรยาน การว่ายน้ำหรือการทำสวน โดยควรทำอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที เป็นเวลา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปสู่สมองมีผลช่วยทำให้สมองมีสุขภาพและทำงานได้ดีอยู่ตลอดเวลา และยังอาจมีผลช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์สมองใหม่ให้เจริญได้ดีด้วย
3. การไปพบแพทย์เป็นประจำและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะปัญหาด้านสุขภาพหลายๆปัญหา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า และการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้สติปัญญาลดความเฉียบคมลง ดังนั้นการตรวจร่างกายเป็นประจำจึงมีความจำเป็นมากที่จะช่วยทำให้สามารถรักษาสุขภาพให้ดีอยู่ตลอด
4. นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับที่น้อยกว่าวันละ 7-8 ชั่วโมง ทำให้ความจำและการมีสมาธิทำได้ยากขึ้น
5. ลดความเครียดลง ความเครียดนั้นมีผลทำให้สมาธิลดลง รวมทั้งลดการเรียนรู้และความจำลงด้วยเช่นกัน ความเครียดยังทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ โดยพบว่าการออกกำลังกาย การสวดมนต์ และการทำสมาธิช่วยลดความเครียดลงได้เป็นอย่างดี
6. การคิด และการใช้สมอง ยิ่งเราใช้สมองมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ควรหากิจกรรมต่างๆ ทำ เช่น การอ่านหนังสือ เล่นเกมคอร์สเวิร์ด การเข้าร่วมอภิปรายกลุ่ม การเข้าเรียนพัฒนาตนเองในคอร์สต่างๆ การสมัครเรียนเปียโน หรือ การสมัครเรียนภาษา เป็นต้น
7. การเข้าสังคม การใช้เวลาร่วมกับผู้อื่นจะช่วยทำให้สมองเกิดการตื่นตัว เช่น การพบเพื่อนใหม่ ๆ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรืออาสาสมัคร หรือทำงานนอกเวลา
รวบรวมข้อมูลและเผยแพร่ : ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และศูนย์ผู้บริโภคเนสท์เล่ ประเทศไทย
โทร. 0-2657 8657 e-mail: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๓๓ เอสซีจี ร่วมกับ Frasers Property คว้ามาตรฐาน LEED for Homes ประเภท Single Family ระดับ GOLD ที่แรกในอาเซียน
๑๔:๒๙ คิง เพาเวอร์ ลงนาม MOU ร่วมกับสภาคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย
๑๔:๓๒ TQR ฝ่าความท้าทายปี 67 กวาดรายได้ 258.92 ลบ. - กำไรสุทธิ 100.25 ลบ.
๑๔:๔๑ adidas Originals และ Sporty Rich นำเสนอผลงานใหม่ล่าสุดในสไตล์วัยรุ่นอเมริกัน
๑๔:๒๘ อรสิริน อสังหาฯ ล้านนาพร้อมบุกอันดามัน เปิดโครงการ อะไรซ์ ไวบ์ ภูเก็ต พรีเซล มี.ค.นี้
๑๔:๑๕ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ สรุปผลการดำเนินงานปี2567 ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Content Creator Lifestyle Entertainment
๑๔:๐๑ ขายอะไหล่รถยนต์แท้จากศูนย์ ตรงรุ่น ครบทุกค่าย สำหรับรถยนต์ทุกประเภท
๑๓:๒๔ ก่อนเข้าสู่เส้นทางอาชีพการโฆษณา ต้องเรียนคณะไหน สาขาไหน?
๑๓:๑๔ MOTHER จับมือ พาณิชย์สุราษฎร์ธานี จัดธงฟ้าช่วยลดค่าครองชีพประชาชน วันที่ 14-28 กุมภาพันธ์ 68
๑๓:๒๐ ฟอร์ติเน็ต ชี้ องค์กร 61% กังวลเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อบังคับ ในการใช้คลาวด์ดำเนินงานด้านไอที