ราชบุรีโฮลดิ้ง แถลงทิศทางธุรกิจปี 2551 ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง เผยปีนี้เริ่มโครงการ “ป่าชุมชน” ตอบแทนสังคม

กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--ราชบุรีโฮลดิ้ง
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) แถลงทิศทางการดำเนินงานปี 2551 มุ่งแสวงหาโครงการลงทุนต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ คาดปีนี้กำไรสุทธิเพิ่มร้อยละ 10-15 พร้อมดันโครงการ “ป่าชุมชน” เป็นกิจกรรมซีเอสอาร์ ยาว 5 ปี
นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2551 ว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นที่การสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งการแสวงหาโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งเป็นภารกิจหลักของบริษัท รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าในการลงทุนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องตามนโยบายที่วางไว้ ปัจจุบัน บริษัทฯมีเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 11,040 ล้านบาท และมีกำไรสะสมจากการดำเนินงาน มากกว่า 19,998 ล้านบาท เพื่อรองรับการโครงการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2559 บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 8,000 เมกะวัตต์
สำหรับในปีนี้ โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 1,400 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 25 จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมีนาคม และมิถุนายน ซึ่งจะทำให้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าว และมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนเพิ่มขึ้น 350 เมกะวัตต์ เมื่อรวมกับโครงการอื่นๆ ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 กำลังผลิตตามสัดส่วน 153.75 เมกะวัตต์ และ น้ำงึม 3 กำลังผลิตตามสัดส่วน 110 เมกะวัตต์ และโครงการที่เกิดขึ้นใหม่ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าเซเปียนเซน้ำน้อย กำลังการผลิตตามสัดส่วน 93 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าหงสา กำลังการผลิตตามสัดส่วน 661 เมกะวัตต์ จึงทำให้คาดหมายได้ว่าในปี พ.ศ. 2556 บริษัทจะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนทั้งสิ้น 5,364.50 เมกะวัตต์ ทั้งนี้กำลังการผลิตดังกล่าวยังไม่รวมโครงการโรงไฟฟ้าเกาะกง กำลังการผลิต 3,660 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการดังกล่าวร่วมกับพันธมิตร รวมร้อยละ 70 อีกด้วย
ในด้านผลการดำเนินงานนั้น บริษัทคาดหมายว่าในปี 2551 บริษัทจะมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 10-15 เนื่องจากคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนการหยุดซ่อมบำรุงอุปกรณ์กังหันก๊าซ (Gas Turbine) 2 เครื่อง ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรีชุดที่ 3 ซึ่งเป็นการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ตามแผนการซ่อมบำรุงรักษา
ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย ประจำปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,829.40 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 4.02 บาท ลดลงจากปี 2549 ร้อยละ 4.53 หรือลดลง 0.19 บาท ต่อหุ้นซึ่งผลการดำเนินงานดังกล่าวยังคงสูงกว่าประมาณการผลการดำเนินงาน ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงถึงร้อยละ 10 จากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 1 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 2 ในช่วงปีที่ผ่านมา
ในปี 2550 บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 43,820.69 ล้านบาท ลดลงจากปี 2549 จำนวน 6,552.01 บาท หรือร้อยละ 13.01 จากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงไฟฟ้าราชบุรี อย่างไรก็ตามบริษัทได้รับรู้ค่าชดเชยความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้อุปกรณ์เครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จำนวน 707.77 ล้านบาท เพิ่มเข้ามาด้วย นอกจากนี้ บริษัทรับรู้ดอกเบี้ยรับ จำนวน 580.53 ล้านบาท รายได้ค่าบริการ จำนวน 49.33 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 122.16 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีต้นทุนขายในปี 2550 คิดเป็นจำนวน 38,122.25 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน จำนวน 4,826.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.24 ค่าตอบแทนกรรมการ จำนวน 28.54 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 631.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 จำนวน 133.78 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ จัดสรรกำไรจากการดำเนินงานปี 2550 แก่ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวน 3,045 ล้านบาท ในอัตราหุ้นละ 2.10 บาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้ว เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2550 ในอัตราหุ้นละ 1 บาท คงเหลือเงินปันผลจ่ายในงวดนี้ในอัตราหุ้นละ 1.10 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2551 และมีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 18 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น.
นอกจากนั้น นายณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทว่า “ที่ผ่านมาบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการดูแลจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เห็นได้จากผลสำเร็จในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ตลอดจนกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์ ดูแล และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมซึ่งบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัดได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นอกจากนี้ เพื่อน้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง การสร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาอนุรักษ์และหวงแหนป่าไม้ของประเทศ ในปีนี้บริษัทมีนโยบายที่จะขยายการสนับสนุนและริเริ่มโครงการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวแก่ชุมชนทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “ป่าชุมชน” โดยจัดเตรียมงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวไว้ทั้งสิ้น 56 ล้านบาท สำหรับการดำเนินการตลอดอายุโครงการยาว 5 ปี”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ส่วนประชาสัมพันธ์
ติดต่อ: วิวรรณ พยัฆวิเชียร, ดวงแก้ว เธียรสวัสดิ์กิจ
โทร. 0 2978 5221-4 อีเมล์ : [email protected]