SPPT ตั้งเป้าปี 51 เติบโตก้าวกระโดดกว่า 60% รับอุตฯ HDD ขยายตัว-รายได้ 2 บริษัทลูกหนุน

พุธ ๐๕ มีนาคม ๒๐๐๘ ๑๕:๐๑
กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
"ประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ " ประเมินผลรายได้ SPPT ปี 2551 เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 60% และอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นแตะ 17-18% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 14.4% ได้แรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ที่สิงห์บุรี ทั้งประเมินอุตสาหกรรม Hard Disk Disk ปีนี้คาดขยายตัวประมาณ 14.8% และการขยายตัวของธุรกิจ Non Hard Disk โดยเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตและใช้พื้นที่ที่สิงห์บุรีให้ได้ที่ 90% นอกจากนี้เริ่มรับรู้รายได้จาก 2 บริษัทลูกคือ SPEE และ SPMP อย่างเต็มที่
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SPPT) เปิดเผยถึงผลประกอบการในปี 2551 ว่าในส่วนเฉพาะของธุรกิจ SPPT คาดว่าจะขยายตัวถึง 35% แต่ถ้ารวมรายได้จากธุรกิจของบริษัทลูกทั้ง 2 แห่งคือ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด (SPMP) และบริษัท ซิงเกิ้ลพอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (SPEE) จะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึงกว่า 60% และในส่วนของอัตรากำไรขั้นคาดว่าปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น โดยขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 17-18% จากปีที่แล้วอยู่ในระดับ 14.4 % จากการเพิ่มกำลังการผลิตและการใช้พื้นที่ที่สิงห์บุรี ให้ได้ที่ 90% และขยายธุรกิจในส่วนของ Non Hard Disk ที่โรงงานอยุธยามากขึ้น
"ปีนี้ประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรม Hard Disk Disk (HDD) คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 14.8% ต่อเนื่องจากปี 2550 ซึ่งประเด็นเรื่องปัญหาซับไพร์มที่สหรัฐอเมริกาเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์มากนัก เพราะที่ผ่านมาตลาดสำคัญของ อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์จะมีการเติบโตจะในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และแถบเอเชีย เป็นหลัก"
ในส่วนของ SPPT ปีนี้จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรไปยังโรงงานแห่งใหม่ไปอยู่ที่สิงห์บุรี ทำให้การใช้ประโยชน์พื้นที่ที่สิงห์บุรีเพิ่มขึ้นจากเดิม 30% ขยับขึ้นเป็น 60% และจะเพิ่มเป็น 80% ภายในไตรมาสแรกนี้ ส่วนพื้นที่ที่อยุธยาได้ใช้เพื่อรองรับธุรกิจ Non Hard Disk ซึ่งปัจจุบันได้ใช้พื้นที่ไปแล้ว 70% ทั้งนี้คาดว่าจะใช้พื้นที่เต็ม 100% ภายในไตรมาสแรกนี้เช่นกัน
เขากล่าวต่อว่านอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัทที่คาดว่าผลประกอบการจะมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องแล้ว ในปีนี้ SPPT จะรับรู้รายได้จากบริษัทลูกทั้ง 2 แห่ง คือ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด (SPMP) ถือหุ้นโดยบริษัทร้อยละ 49.99 ดำเนินธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Grade) และบริษัท ซิงเกิ้ลพอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (SPEE) ถือหุ้นโดยบริษัทร้อยละ 49.99 ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยการจำหน่าย ประกอบและติดตั้งเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ และจำหน่ายสารเร่งปฏิกริยาในการแปรรูปเศษพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ
"โดยบริษัทได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน 1 เครื่องพร้อมจัดสร้างอาคารสำหรับติดตั้งเครื่องจักร 1 หลังรวมมูลค่า 40 ล้านบาทกับเทศบาลเมืองระยอง และบริษัทได้รับเงินชำระค่ามัดจำเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว กำหนดการติดตั้งเครื่องจักรภายในเดือน พฤษภาคม บริษัทคาดว่าในปี 2551 นี้จะจำหน่ายได้ 3 เครื่องโดยเป็นภาครัฐ 2 เครื่องและภาคเอกชน 1 เครื่อง นอกจากนี้บริษัทยังจะมีรายได้อีกส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสารเร่งปฎิกิริยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดในสัญญาว่าลูกค้าจะต้องซื้อจากบริษัท ส่วนบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด (SPMP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้อต่อพลาสติกใช้สำหรับเครื่องฟอกไตและกระบอกฉีดยาไร้เข็ม ซึ่งเป็นนวัตกรรมของบริษัทที่จดสิทธิบัตรที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนพฤษภาคม ในปัจจุบันบริษัทได้ตระเตรียมขบวนการผลิตที่โรงงานในนิคมโรจนะ ซึ่งพร้อมที่จะรองรับ คำสั่งซื้อ ที่คาดว่าจะได้รับในเดือนพฤษภาคมเช่นกัน"นายประพจน์กล่าวในที่สุด
บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูงระดับต่ำกว่า 5 ไมครอน อาทิ Shaft, Sleeve ,Fluid Dynamic Bearing part , Hub ,Camera Part ,machine part เพื่อนำไปประกอบผลิตภัณฑ์ Pivot, Spindle Motor ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของหน่วยบันทึกความจำ (Hard Disk-"ฮาร์ดดิสก์") และชิ้นส่วนของกล้องถ่ายรูป เป็นต้น ลักษณะผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive) 2. ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Non Hard Disk Drive) 3. ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท SPMP ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับญี่ปุ่นโดยได้จดสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์วาล์วพลาสติกที่ประเทศญี่ปุ่นสำหรับอุปกรณ์การไหลเวียนของเหลวซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถให้ยาแก่ผู้ป่วยที่มีการต่อสายยางจากร่างกายโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา และ 4. เครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท SPEE ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับอเมริกาและเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้ เดียวในประเทศไทยและในกลุ่มประเทศอินโดจีน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) โทร. 02-554-9394 , 085-133-0184

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ