พาณิชย์รณรงค์ใช้เหรียญสตางค์ แก้ปัญหาค้ากำไรเกินควร

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--กรมการค้าภายใน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้เหรียญสตางค์ในประเทศไทยได้ลดความนิยมลงมาก ประกอบกับการขายปลีกส่วนใหญ่มักจะปัดเศษสตางค์ขึ้น โดยผู้ประกอบการอ้างว่า ในตลาดมีเศษสตางค์ไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้ราคาสินค้าสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น และประชาชนต้องจ่ายเงินเพิ่ม ทำให้เงินเฟ้อสูงเกินความเป็นจริง ดังนั้น เพื่อให้เห็นคุณค่าของเหรียญสตางค์ และมิให้มีการค้ากำไรเกินควร ราคาขึ้นอย่างเป็นธรรมสอดคล้องกับต้นทุน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้จัดให้มีการรณรงค์สร้างนิสัยคนไทยให้เห็นคุณค่าของเหรียญสตางค์ และมีการใช้เหรียญสตางค์ในท้องตลาดมากขึ้น โดยได้รับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้จัดทำ “โครงการพาณิชย์ส่งเสริมคุณค่าเหรียญสตางค์” ขึ้น
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน กรมธนารักษ์ สมาคมธนาคารไทย สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทยและสมาคมตลาดสดไทย จัดทำบันทึกความร่วมมือรณรงค์สร้างนิสัยคนไทยให้เห็นคุณค่าของเหรียญสตางค์ ด้วยการส่งเสริมการใช้เหรียญสตางค์ในทุกวงการค้าให้มากที่สุด โดยกรมธนารักษ์จะผลิตเหรียญกษาปณ์ชนิดต่าง ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะเหรียญ 50 สตางค์ และเหรียญ 25 สตางค์ สมาคมธนาคารไทย จะให้ธนาคารที่เป็นสมาชิกกระจายเหรียญสตางค์ให้กับผู้ประกอบการและประชาชน สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย และสมาคมตลาดสดไทย จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกและผู้บริโภคใช้เหรียญสตางค์ในการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันและจ่ายค่าบริการ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้เหรียญสตางค์ในการทอนเงิน โดยไม่มีการใช้ลูกอม (ท๊อฟฟี่) หรือสิ่งของอื่นแทนการทอนเงินให้กับผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ส่วนกรมการค้าภายใน จะดูแลและสร้างวัฒนธรรมการกำหนดราคาสินค้าและบริการเป็นหน่วยสตางค์ตามมูลค่าราคา ซึ่งสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง อย่างเป็นธรรม
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในมีแผนประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ด้วยการจัดทำสติกเกอร์เพื่อรณรงค์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป มีการใช้เหรียญสตางค์มากขึ้น โดยจะนำสติกเกอร์ไปแจกจ่ายในแหล่งชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด ร้านค้าทั่วไป เป็นต้น และจะจัดการประกวดการออกแบบกระเป๋าใส่เศษสตางค์ โดยให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เข้าประกวด เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เด็กรุ่นใหม่ รวมถึงประชาชนทั่วไปหันมาเห็นความสำคัญของการใช้เหรียญสตางค์อีกด้วย