สปส.ย้ำนายจ้าง มีหน้าที่ต้องขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน

พฤหัส ๑๓ มีนาคม ๒๐๐๘ ๑๐:๕๖
กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม ย้ำเตือนนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่น ขึ้นทะเบียนทั้งส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมขอแจ้งไปยังเจ้าของสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้างและขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน โดยไม่มีข้อยกเว้นว่า การจ้างงานนั้นจะเป็น ช่วงทดลองงาน เพียงนายจ้างยื่นแบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สปส.1-01) และแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) สำหรับผู้ที่ไม่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาก่อนหรือแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03/1) สำหรับผู้ที่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนแล้ว โดยลูกจ้างจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน กรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานและจากกองทุนประกันสังคม รวม 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน รวมทั้ง คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ส่วนในกรณีที่นายจ้างไม่ขึ้นทะเบียน ลูกจ้างสามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงานประกันสังคมโดยตรงได้ทันที เพียงแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของสถานประกอบการและจำนวนลูกจ้างที่มีอยู่ โดยแจ้งมาที่ สายด่วน 1506 หรือกองตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์ 02-956-2580-1 สำนักงานประกันสังคมจะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายจ้างว่าเป็นจริงตามข้อมูลที่ลูกจ้างแจ้งไว้หรือไม่ ในขณะเดียวกันทางสำนักงานประกันสังคมจะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลให้กับนายจ้างได้รับทราบ
นอกจากนี้นายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ สำหรับนายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ในส่วนภูมิภาคสามารถยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว นายจ้างมีหน้าที่หักเงินสมทบของลูกจ้างแล้วนำส่งเงินสมทบให้สำนักงานประกันสังคมทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองทั้ง 7 กรณี โดยคำนวณจากค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับ ซึ่งกำหนดจากฐานค่าจ้างเป็นรายเดือนต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท เงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 83 บาท และไม่เกินเดือนละ 750 บาท ทั้งนี้รัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งนายจ้างสามารถนำส่งเงินสมทบด้วยตนเอง หรือส่งทางไปรษณีย์ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ /จังหวัด นอกจากนั้นยังสามารถเลือกชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือสามารถชำระเงินด้วยระบบ e-payment ของธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารมิซูโฮ คอร์ปอเรต จำกัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย คอร์เปอเรชั่น จำกัด หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงหรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 07.00 -19.00 น.หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506/www.sso.go.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ