กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม ย้ำเตือนนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่น ขึ้นทะเบียนทั้งส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมขอแจ้งไปยังเจ้าของสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้างและขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน โดยไม่มีข้อยกเว้นว่า การจ้างงานนั้นจะเป็น ช่วงทดลองงาน เพียงนายจ้างยื่นแบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สปส.1-01) และแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) สำหรับผู้ที่ไม่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาก่อนหรือแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03/1) สำหรับผู้ที่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนแล้ว โดยลูกจ้างจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน กรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานและจากกองทุนประกันสังคม รวม 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน รวมทั้ง คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ส่วนในกรณีที่นายจ้างไม่ขึ้นทะเบียน ลูกจ้างสามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงานประกันสังคมโดยตรงได้ทันที เพียงแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของสถานประกอบการและจำนวนลูกจ้างที่มีอยู่ โดยแจ้งมาที่ สายด่วน 1506 หรือกองตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์ 02-956-2580-1 สำนักงานประกันสังคมจะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายจ้างว่าเป็นจริงตามข้อมูลที่ลูกจ้างแจ้งไว้หรือไม่ ในขณะเดียวกันทางสำนักงานประกันสังคมจะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลให้กับนายจ้างได้รับทราบ
นอกจากนี้นายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ สำหรับนายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ในส่วนภูมิภาคสามารถยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว นายจ้างมีหน้าที่หักเงินสมทบของลูกจ้างแล้วนำส่งเงินสมทบให้สำนักงานประกันสังคมทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองทั้ง 7 กรณี โดยคำนวณจากค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับ ซึ่งกำหนดจากฐานค่าจ้างเป็นรายเดือนต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท เงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 83 บาท และไม่เกินเดือนละ 750 บาท ทั้งนี้รัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งนายจ้างสามารถนำส่งเงินสมทบด้วยตนเอง หรือส่งทางไปรษณีย์ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ /จังหวัด นอกจากนั้นยังสามารถเลือกชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือสามารถชำระเงินด้วยระบบ e-payment ของธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารมิซูโฮ คอร์ปอเรต จำกัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย คอร์เปอเรชั่น จำกัด หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงหรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 07.00 -19.00 น.หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506/www.sso.go.th
- ธ.ค. ๒๕๖๗ สปส.แนะผู้ประกันตนที่มีบุตรแรกเกิดถึง 6 ปี และส่งเงินสมทบครบ 12 เดือนขึ้นไป สามารถยื่นรับสิทธิสงเคราะห์บุตรได้
- ธ.ค. ๒๕๖๗ สปส.แจงแนวปฏิบัติส่งลูกจ้างและผู้ประกันตนทุพพลภาพเข้าศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพฯ
- ธ.ค. ๒๕๖๗ สปส.เตือนหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ของนายจ้างและผู้ประกันตน นายจ้างต้องรีบแจ้ง ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป