ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. ซีมิโก้” ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

พุธ ๑๙ มีนาคม ๒๐๐๘ ๐๘:๐๒
กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--ทริส เรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนฐานทุนที่เพียงพอ สภาพคล่องที่มากพอ รวมถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศ นอกจากนี้ ธุรกิจหลักของบริษัทยังคงเผชิญกับภาวะของตลาดหลักทรัพย์ไทยที่มีความผันผวนเช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่นๆ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า บล. ซีมิโก้ จะสามารถกู้สถานะทางการตลาดของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้ฟื้นตัวมาอยู่ใกล้เคียงกับระดับเดิม โดยบริษัทจะต้องใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจแทนที่จะนำไปจ่ายเป็นเงินปันผลก้อนใหญ่คืนแก่ผู้ถือหุ้นดังเช่นที่ผ่านมาเมื่อปี 2550 นอกจากนี้ บริษัทน่าจะสามารถจัดการกับความเสี่ยงทางการตลาดที่จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มส่วนลงทุนและขยายธุรกิจได้โดยไม่กระทบต่อฐานทุนหรือสภาพคล่องของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปัจจุบัน บล. ซีมิโก้ มีบริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก รายได้ของบริษัทมากกว่า 70% มาจากค่าธรรมเนียมในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ฐานรายได้ยังรวมถึงค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษา อาทิ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และที่ปรึกษาทางการเงินด้วย บริษัทเพิ่งเปิดดำเนินการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมของตนเองในปี 2550 ภายใต้ชื่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ซีมิโก้ จำกัด เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการทั้งกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม ภายหลังคณะผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารงานหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัทได้ตัดสินใจให้บริการด้านตราสารอนุพันธ์โดยตรงแทนที่จะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ซีมิโก้ ดีริเวทีฟ จำกัด ทั้งนี้ การออกผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ดังกล่าวจะยังคงเป็นความร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติรายหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ โดยเป็นการออกผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์เพื่อขายแก่นักลงทุนไทยที่เน้นการใช้หลักทรัพย์ในประเทศเป็นสินทรัพย์อ้างอิงเป็นหลัก
ในด้านธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บล. ซีมิโก้ มีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงเหลือ 3.05% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 จากระดับ 3.77% ในปี 2549 ระดับ 4.28% ในปี 2548 และ 5.96% ในปี 2547 จากสาเหตุที่มีปริมาณการซื้อขายในส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นในขณะที่บริษัทมีฐานลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนสถาบันค่อนข้างน้อย และการสูญเสียพนักงานด้านการตลาดเพราะการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.55% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 หลังจากผู้บริหารชุดใหม่ประสบความสำเร็จในการคัดเลือกทีมงานด้านการตลาดที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมงาน นอกจากนี้ บริษัทก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพรายงานการวิเคราะห์หลักทรัพย์และมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและขยายส่วนแบ่งทางการตลาดต่อไป
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บล. ซีมิโก้ มีผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์สำหรับบริษัทขนาดกลางถึงขนาดเล็ก การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ทีมงานวาณิชธนกิจจะช่วยให้บริษัทได้ประโยชน์ในระยะยาวในแง่ของการมีความหลากหลายของแหล่งรายได้ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์มากเกินไป ในขณะที่รายได้ของบริษัทจะมีความอ่อนไหวน้อยลงเมื่อมีการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีที่ผ่านมา บริการด้านวาณิชธนกิจของบริษัทชะลอตัวลงเนื่องจากมีจำนวนหลักทรัพย์ใหม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างน้อยจากผลของภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย โดยบริษัทมีมูลค่าการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์รวมทั้งสิ้น 127.1 ล้านบาทในปี 2550
บล. ซีมิโก้ รายงานผลกำไรอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 โดยมีกำไรสุทธิสูงสุดที่ 730 ล้านบาทในปี 2546 ซึ่งสอดคล้องกับภาวะการฟื้นตัวของตลาดหลักทรัพย์ในขณะนั้น กำไรของบริษัทลดลงในปีต่อๆ มาจากการชะลอตัวของตลาด ในปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 850 ล้านบาท ด้วยกำไรสุทธิที่ 49 ล้านบาท หรือ 32% ของกำไรสุทธิของปี 2549 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องจากที่เคยอยู่สูงสุดที่ 41.6% ในปี 2546 มาอยู่ที่ 1.7% ในปี 2550 ฐานทุนของบริษัทยังคงแข็งแกร่งภายหลังการเพิ่มทุนในช่วงต้นปี 2547 ซึ่งทำให้ฐานของส่วนของผู้ถือหุ้นขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3,068 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทได้จ่ายเงินปันผลก้อนใหญ่จำนวน 390 ล้านบาทแก่ผู้ถือหุ้นในปี 2550 แต่อัตราส่วนเงินทุนสำรองของบริษัทยังคงสูงอยู่ที่ 356% ซึ่งสูงกว่าอัตรา 7% ที่ทางการกำหนดอยู่มาก บริษัทยังคงมีเงินสดที่เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 บริษัทดำรงเงินสดและเงินฝากอยู่ที่ 717 ล้านบาทโดยปราศจากภาระหนี้ผูกพันระยะยาวใดใด นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนระยะสั้นอีกจำนวน 308 ล้านบาทซึ่งมีสภาพคล่องและสามารถใช้เป็นฐานทุนเพิ่มเติมเมื่อมีความต้องการ อัตราส่วนสินทรัพย์รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทค่อนข้างคงที่อยู่ที่ระดับ 1.30 เท่าเมื่อเทียบกับ 1.29 เท่าในปี 2549 ทริสเรทติ้งกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ