ธ.ก.ส.เพิ่มภูมิคุ้มกันลูกค้า ดึง 8 บริษัทประกันร่วมดูแล

กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--ธ.ก.ส.
ธ.ก.ส.ร่วม 8 บริษัทประกันชั้นนำ จัดทำโครงการประกันชีวิตและประกันภัย เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับชีวิตและทรัพย์สินของคนในชนบท เผยหลังเปิดบริการมียอดผู้ทำประกันแล้วกว่า 2 ล้านราย พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมสังคมโดยมอบทุนการศึกษาให้บุตรหลานเกษตรกร
ในโครงการ 2,400 ทุน
วันที่ (26 มีนาคม 2551) ที่สำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นางพูนสุข มุสิกลัด ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส.พร้อมด้วยผู้บริหารจากบริษัทประกันภัย 8 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.สินมั่นคงประกันภัย บจก.วิริยะประกันภัย บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.นวกิจประกันภัย บมจ.นำสินประกันภัย บจก.ฟินันซ่าประกันชีวิต บจก.ไทยประกันชีวิต และ บจก.เมืองไทยประกันชีวิต ได้ร่วมกันประกอบพิธีมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการประกันวินาศภัยและประกันชีวิตผ่านระบบ ธ.ก.ส. จำนวน 2,400 ทุน มูลค่า 2.4 ล้านบาท หลังเสร็จพิธี นางพูนสุขเปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ที่ ธ.ก.ส.และบริษัทประกันภัยประกันชีวิต
ทั้ง 8 แห่ง ได้ร่วมกันจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้นนั้น ก็เพื่อให้เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ในชนบทสามารถเลือกรูปแบบการประกันชีวิตและการประกันภัยที่เหมาะสมกับตนเองและครอบครัวด้วยความสมัครใจ โดยไม่เกิดความรู้สึกเดือดร้อนหรือเป็นภาระ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสามารถสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเห็นความสำคัญในเรื่องการสร้างหลักประกันที่มั่นคงต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและสมาชิกในครอบครัว โดยในขณะนี้มีเกษตรกรทำประกันกับบริษัทต่างๆ ดังกล่าวผ่านระบบ ธ.ก.ส.แล้ว 2,019,809 ราย จำนวนเงินค่าเบี้ยประกันกว่า 760 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี
ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส.เปิดเผยอีกว่า เพื่อให้โครงการดังกล่าวสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่เกษตรกรลูกค้าผู้ทำประกัน ธ.ก.ส.จึงได้ทำข้อตกลงกับบริษัทผู้รับประกันภัยและประกันชีวิต จัดสรรงบประมาณส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคม เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า เช่น การมอบทุนการศึกษา การปลูกป่า การสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองที่เหมาะสม เช่น การประกันภัยในเหตุการณ์ความไม่สงบในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการถูกลอบทำร้าย ซึ่งปกติจะไม่รับประกันภัยให้ เป็นต้น ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป็นการกระตุ้นการออมในภาคชนบทแล้ว ยังเพิ่มปริมาณธุรกิจให้กับบริษัทและเพิ่มฐานเงินออมให้กับประเทศชาติอีกด้วย