เติบโตแบบสวนกระแส

กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--ฮาวายไทย
กลุ่มธุรกิจฮาวายไทย ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์สานและถักทอ ผลิตและจำหน่ายทั้งภายและต่างประเทศ ภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ ฮาวายไทย โดยใช้วัตถุดิบในการสานทั้งจากธรรมชาติและจากเส้นใยสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนต่อทุกสภาวะอากาศ ภายใต้ชื่อของ Durawera นายวิวัฒน์ วิภวพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮาวายไทย เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด กล่าวถึงเรื่องค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจของฮาวายไทยว่า มีผลกระทบต่อรายได้ลดลงสำหรับตลาดส่งออก จึงขอให้รัฐบาลดูแลค่าเงินบาทด้วย อย่างไรก็ตาม ฮาวายไทยได้มีแผนรองรับเกี่ยวกับเรื่องค่าเงินบาทล่วงหน้ามาประมาณ 2-3 ปีแล้ว โดยการเน้นขยายฐานลูกค้าภายในประเทศในส่วนของร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็นับว่าได้ผลเกินคาด เพราะทำให้ฮาวายไทย สามารถบุกตลาดในประเทศเป็นผลสำเร็จ และทำให้ลูกค้าในประเทศรู้จัก โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5-6 ดาวยอมรับและเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งทางฮาวายไทย เป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์โครงโลหะที่ไม่เป็นสนิม สานด้วยเส้น Durawera ตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งถือเป็นรายแรกของโลก ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้เพียง 15% พุ่งขึ้นไปถึง 25% นายวิวัฒน์เผยว่า ด้วยศักยภาพของฮาวายไทยในฐานะที่เป็นผู้ผลิตโครงโลหะที่ไม่เป็นสนิม และเส้น Durawera ซึ่งบริษัทรับประกัน 3 ปี จากการทดลองและทดสอบโดยสถาบัน ATLAS USA ในอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 ปี (โดยเครื่องเร่งเวลา) เส้น Durawera ของเราไม่ปรากฏว่ามีอาการกรอบ แตก แต่อย่างใด ทำให้มีการลอกเลียนแบบทั้งรูปแบบ และลักษณะของเส้น รวมถึงรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์เป็นจำนวนมาก จุดเด่นของเฟอร์นิเจอร์ของฮาวายไทยนั้น ดีไซน์ที่สวย แปลกตา ทันสมัย และเข้ากับทุกบรรยากาศภายในบ้าน และรวมถึงสีต่างๆ ที่สามารถเนรมิตรให้บ้าน ที่อยู่อาศัยของคุณได้ดังใจปรารถนา ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นของฮาวายไทยมีแรงบันดาลใจทุกชิ้น และทุกชิ้นจะได้รับการพิถีพิถันในการออกแบบและถักสาน รวมถึงชิ้นงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดออกแบบเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย อีกทั้งยังมีดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่เข้ามาร่วมพัฒนารูปแบบของเอร์นิเจอร์ให้มีความทันสมัย ตอบรับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อีกด้วย สำหรับในปี 2008 นี้ ฮาวายไทยจะนำสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ในรูปแบบต่างๆ ภายในคอนเซปต์ CRUISE 2008 ซึ่งจะโชว์เปิดตัวครั้งแรกในงาน Architech’08 ที่จะจัดที่ชาเลนเจอร์เมืองทองธานี ในวันที่ 29 เมษายน — 4 พฤษภาคม 2551 นี้