กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--กรมเจรจาการค้า
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเปิดเวทีเสวนาและรับฟังความคิดเห็น “โอกาสของไทยจากการเปิดตลาดท่องเที่ยว โสตทัศน์ และนันทนาการในอาเซียน” สร้างความเข้าใจแก่ภาครัฐและเอกชน หวังหาลู่ทางและโอกาสการค้าการลงทุนในอนาคต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการภาคบริการของไทย
นายนพดล สระวาสี รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้เปิดเวทีเสวนาและรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “โอกาสของไทยจากการเปิดตลาดท่องเที่ยว โสตทัศน์ และนันทนาการในอาเซียน” ในวันที่ 25 เมษายน 2551 ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงสถานการณ์การเจรจา การเปิดตลาดการค้าบริการในอาเซียนว่าปัจจุบันการเจรจาเปิดตลาดการค้าบริการทวีความเข้มข้นขึ้นในทุกเวทีโดยเฉพาะในการเจรจาเปิดตลาดภาคบริการภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งกระบวนการเจรจารวมทั้งการเตรียมความพร้อมในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนการเจรจาที่จำเป็นคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายในประเทศ โดยเฉพาะความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปเพื่อนำมากำหนดท่าทีในการเจรจาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการค้าและเศรษฐกิจภาพรวมของไทย นอกจากนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องส่วนใหญ่คือผู้บริโภค และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่นผู้ประกอบการไทยก็จำเป็นต้องรับรู้ถึงผลดีผลเสียของการเปิดตลาดภาคบริการ เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับปรุงพัฒนาตนเองให้พร้อมต่อการแข่งขันในอนาคต
นายนพดล สระวาสี กล่าวเสริม การเปิดตลาดการค้าบริการมีความจำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการไทย แต่รวมถึงผู้บริโภคซึ่งควรเข้าใจว่าการเปิดตลาดการค้าบริการจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ส่วนอุตสาหกรรมบริการภายในไทยก็ควรมองถึงข้อดีของการเปิดตลาดบริการ เพราะเป็นประโยชน์ต่อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ส่วนภาคอุตสาหกรรมภายในไทยก็ควรมองถึงข้อดีของการเปิดตลาดบริการจะเป็นประโยชน์ต่อการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งงานเสวนาครั้งนี้นอกจากผู้เข้าร่วมจะได้รับทราบข้อมูลของการเปิดเสรีการค้าบริการในอาเซียนแล้วยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อร่วมกันแสวงหาแนวทางในการเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับการเปิดเสรีการค้าบริการ เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการภาคบริการของไทย