สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์จับมือ 5 ผู้ผลิตวัตถุดิบเร่งรัฐปล่อยราคาอาหารสัตว์เป็นไปตามกลไก

อังคาร ๒๙ เมษายน ๒๐๐๘ ๑๑:๕๕
กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--
วันนี้ (29 เมษายน 2551) สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว สมาคมการค้ามันสำปะหลัง สมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมการค้าพืชไร่ ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง “โอกาสของวัตถุดิบ...วิกฤติอาหารสัตว์ไทย!”
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำการขอปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์ 10-20% ไปยังกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2551 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือน ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณอนุมัติให้ขึ้นราคาแต่อย่างใด ซึ่งราคาที่ยื่นขอไปนั้น ไม่ได้สะท้อนราคาที่ควรจะเป็น ณ ปัจจุบันแล้ว ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ยังได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นๆ ที่สามารถใช้ทดแทนวัตถุดิบหลักได้ เช่น น้ำมันปลา กากถั่วลิสง กากเบียร์ เป็นต้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ซึ่งก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาเช่นกัน
“ผ่านไปแล้ว 5 เดือน รัฐทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ขณะนี้เป็นเวลาวิกฤตอย่างมากของผู้ผลิตอาหารสัตว์ ขอให้ภาครัฐเร่งตอบสนองข้อเรียกร้องของสมาคมฯด้วยการพิจารณาปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์ เพื่อแก้วิกฤติอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไทยโดยด่วน ก่อนที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์หลายรายต้องยุติการรับซื้อพืชวัตถุดิบต่างๆและปิดกิจการลง” นายพรศิลป์กล่าวและว่าราคาพืชเกษตรทุกตัวที่เป็นทั้งพืชน้ำมันและเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก แต่ราคาอาหารสัตว์ของไทยกลับไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุม โดยปี 2547 เป็นครั้งสุดท้ายที่มีการอนุมัติให้ขึ้นราคาอาหารสัตว์ ซึ่งสวนทางกับภาวะราคาวัตถุดิบที่มีการปรับราคาสูงขึ้นมาโดยตลอด นับเป็นการฝืนกลไกตลาดอย่างรุนแรง
ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ มีการปรับตัวสูงขึ้นมาตลอดตั้งแต่ปี 2546 โดยเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ย 3 เดือนแรกของปี 2551 พบว่า ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นจาก 4.94 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2546 เป็น 8.65 บาทต่อกิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้นถึง 75% ในขณะที่ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดชิคาโกปี 2551 สูงขึ้นกว่าปี 2546 ถึง 120% สำหรับราคากากถั่วเหลืองไทยเพิ่มขึ้นจาก11 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 17.16 บาทต่อกิโลกรัม หรือสูงขึ้นกว่า 55% เช่นเดียวกับราคากากถั่วเหลืองในตลาดสหรัฐฯที่ เพิ่มขึ้นจากปี 2546 เกือบ 80% ส่วนราคาถั่วเหลืองเม็ดในตลาดสหรัฐฯในปี 2551 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2546 ด้านแป้งข้าวสาลีจากราคา 15.87 บาทต่อกิโลกรัมสูงขึ้นเป็น 22 บาทต่อกิโลกรัม หรือสูงขึ้น 44% ซึ่งราคาซื้อขายในตลาดชิคาโก สหรัฐฯ กลับสูงขึ้นมาก ถึงกว่า 200% ส่วนมันเส้นไทย รำข้าวไทย ปลายข้าว ปลาป่น มีราคาเฉลี่ย 3 เดือนแรกของปี 2551 อยู่ที่ 5.75, 9.29, 13.13 และ 27.47 บาทต่อ กิโลกรัม ตามลำดับ ซึ่งสูงขึ้นกว่าปี 2546 ที่มีราคาอยู่ที่ 3.06, 4.86, 6.0 และ 19..92 บาท ต่อ กิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้นถึง 88%, 91% 118% และ 38% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังมีรายการสินค้าบางรายการที่ไม่มีผู้ผลิตในประเทศ หรือบางรายการมีผู้ผลิตในประเทศ แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ อาทิ แป้งข้าวสาลี โปรตีนข้าวโพด น้ำมันปลาหรือกากเบียร์ ซึ่งทางสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยได้ขอให้รัฐบาลช่วยพิจารณายกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์เหล่านี้ เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ไปแล้ว โดยรายการวัตถุดิบที่ยังคงมีภาษีนำเข้ามากกว่า 5% ได้แก่ น้ำมันปลา ภาษี 10% ส่วนเปลือกถั่วเหลือง กากเบียร์ ดีดีจี กากถั่วลิสง กากเมล็ดทานตะวัน กากฝ้าย กากปาล์ม กากเนื้อมะพร้าว กากนุ่น ตับปลาหมึกป่น และ เอ็มดีซีพี เสียภาษีนำเข้าอยู่ที่ 9% ส่วนรายการวัตถุดิบที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าที่ 5% ได้แก่ กรีนพี แป้งสาลีสำหรับสัตว์ เมล็ดลูปิน รำข้าวสาลี โปรตีนข้าวโพด (Corn Gluten Meal) กากคาโนลา กากเรปสีด
ด้วยสถานการณ์ด้านราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตประสบปัญหาต้นทุนราคาสูงขึ้นกว่าตันละ 12,000 บาท ทำให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ สมาชิก และผู้ประกอบการอื่นๆ รวมแล้วกว่า 1,000 รายต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิต ซึ่งหากผู้ผลิตอาหารสัตว์ไม่สามารถอยู่รอดได้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ทั้งระบบ รวมถึงจำนวนครัวเรือนเกษตรกรที่ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้ากว่า 5 ล้านครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย เกษตรกรปลูกข้าวกว่า 4 ล้านครอบครัว มันสำปะหลัง 5 แสนครอบครัว ข้าวโพด 3 แสนครอบครัว และยังรวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์อีกกว่า 3 แสนครอบครัวด้วย
ด้าน ม.ร.ว.ดำรงเดช ดิศกุล อุปนายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว นายเจน วงศ์บุญสิน นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลัง นายสงวนศักดิ์ อัครวรินทร์ชัย นายกสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทย นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย และนายจำรัส พงศ์สาลี นายกสมาคมการค้าพืชไร่ ต่างก็กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า การที่เกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์สามารถขายผลผลิตได้ในราคาสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก มีผลทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น รวมทั้งจูงใจให้เพาะปลูกพืชต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาพืชวัตถุดิบแพงขึ้น ย่อมมีผลต่อต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์อย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงต้นทุนสินค้าโปรตีนที่ใช้อาหารสัตว์ด้วย เช่น เนื้อไก่ เนื้อสุกร นม และไข่
"รัฐบาลควรยอมรับว่า แนวโน้มของราคาพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังคงมีราคาสูงต่อเนื่องไปอีกนานนับปี จึงสมควรยอมให้มีการปรับราคาสินค้าอาหารสัตว์ตามความเป็นจริง รวมทั้งราคาของเนื้อสัตว์ทุกประเภท เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยง เจ้าของฟาร์ม สามารถอยู่รอดได้ในภาวะปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงคนไทยและชาวโลกได้อย่างยั่งยืน”นายจำรัส นายกสมาคมการค้าพืชไร่กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version