กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--กทม.
ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ หารือ รมต.พลังงาน แนวทางความร่วมมือมาตรการประหยัดพลังงาน การส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่ ตั้งเป้าส่วนราชการ กทม.ลดใช้พลังงานในภาพรวม 10-15% ต่อปี พร้อมหารือผู้ประกอบการป้ายประหยัดไฟสัปดาห์หน้า
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อม รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เข้าหารือ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในแนวทางความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกรุงเทพมหานครกับกระทรวงพลังงาน
สำหรับประเด็นการหารือมีมาตรการในการประหยัดพลังงานโดยความร่วมมือของกระทรวงพลังงานและกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการอนุรักษ์และประหยัดพลังงานของประชาชนที่ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง การรณรงค์สร้างกระแสและจิตสำนึกเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการประหยัดพลังงานของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 435 แห่ง การสร้างแรงจูงใจประหยัดพลังงานแก่ประชาชน นอกนั้นยังมีประเด็นการส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช่น การรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วผลิตไบโอดีเซล การส่งเสริมพลังงานทดแทนในยานพาหนะและเครื่องยนต์ของกรุงเทพมหานคร การส่งเสริมพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ที่จะผลักดันให้เกิดการใช้ในครัวเรือน แก๊สชีวภาพนำร่องในตลาดสด 5 แห่งของกรุงเทพมหานคร คือ ตลาดประชานิเวศน์ ตลาดบางกะปิ ตลาดบางแค ตลาดคลองเตย และปากคลองตลาด ซึ่งเบื้องต้นได้เข้าไปทำความเข้าใจและหารือกับผู้ค้าในตลาดแล้ว และเห็นเป็นรูปธรรมในเร็วๆ นี้
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จะหารือกับผู้ประกอบการป้ายโฆษณาที่มีการใช้ไฟฟ้า ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือมาตรการขอความร่วมมือปิดไฟในเวลาที่กำหนด โดยเป็นมาตรการแบบสมัครใจ รวมถึงผลักดันอาคารประหยัดพลังงาน อาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง ให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนการประหยัดพลังงานในหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร เช่น ส่วนราชการ โรงเรียนในสังกัด โรงพยาบาล รวมถึงการใช้พลังงานในรถยนต์ รถเก็บขนมูลฝอย ที่ปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน ตั้งเป้าประหยัดได้ปีละ 10-15% ซึ่งปัจจุบันภาพรวมของหน่วยงานกรุงเทพมหานครมีการใช้ไฟฟ้า 219.5 ล้านกิกะวัตต์ต่อปี คิดเป็นเงิน 654 ล้านบาท ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 861 ล้านบาท ซึ่งหากลดการใช้พลังงาน 10-15% ต่อปีแล้วจะสามารถประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ได้มาก