ศูนย์ TDC หนุนเกษตรกรปลูกสมุนไพรจัดเก็บ ตรวจสอบ ทำตลาด มุ่งพัฒนาครบวงจรรับรองมาตรฐานตราสัญลักษณ์ TDC

ศุกร์ ๐๒ พฤษภาคม ๒๐๐๘ ๑๕:๒๕
กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--ศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร
ศูนย์ TDC หนุนเกษตรกรปลูกสมุนไพรจัดเก็บ ตรวจสอบ ทำตลาด มุ่งพัฒนาครบวงจรรับรองมาตรฐานตราสัญลักษณ์ TDC ให้สมุนไพรที่ผ่านมาตรฐาน
พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากล ยกระดับสมุนไพรไทย จากไพร...สู่พลาซ่า
ศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร (Traditional Thai Medicine Development Center) หรือศูนย์ TDC ภายใต้สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์ TDC ได้ริเริ่มโครงการบูรณาการการสร้างอาชีพด้วยการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย เพื่อสร้างอาชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยใน 5 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ สุพรรณบุรี ปทุมธานี อยุธยา อ่างทองและสิงห์บุรี โดยการส่งเสริมการปลูกสมุนไพรในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ การสนับสนุนเทคโนโลยีการตากสมุนไพรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในระบบปิด พร้อมวัสดุที่ใช้ในการจัดเก็บ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน รวมไปถึงการจัดหาช่องทางการตลาดวัตถุดิบสมุนไพรสู่ภาคอุตสาหกรรม สู่สถานบริการของรัฐนำไปใช้ประโยชน์ทางยาเพื่อการพึ่งตนเองทางด้านยาของประเทศ ในอีกด้านหนึ่ง TDC ได้เข้าไปช่วยพัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทสมุนไพรให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสากล และส่งเสริมช่องทางการตลาดโดยประสานกับภาคเอกชนนำสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสมุนไพรสู่การตลาดเพื่อการส่งออก โดยชุมชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการดูแลทั้งระบบในทุกมิติ ตั้งแต่มิติต้นน้ำ ไปจนถึงมิติปลายน้ำ
เภสัชกร สมนึก สุชัยธนาวนิช หัวหน้าศูนย์ TDC กล่าวว่า ศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร หรือศูนย์ TDC มีบทบาทหน้าที่หลัก คือ การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านยาไทยตำรับและสมุนไพร ให้มีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสากล ซึ่งโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 โครงการย่อย ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรเชิงเกษตรอินทรีย์ โครงการสร้งอาชีพด้วยการบริการแพทย์แผนไทย และพัฒนากระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร และขนมพื้นบ้านไทย และโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาพื้นบ้านและสนับสนุนการใช้ยาแผนไทยในสถานบริการของรัฐ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรในการปลูกพืชสมุนไพรเชิงเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งได้ให้ความรู้และข้อมูลในการสร้างอาชีพแก่กลุ่มเกษตรกร 400 ครัวเรือน ใน 5 จังหวัดภาคกลาง ที่ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา เช่น การจัดฝึกอบรมการสร้างอาชีพนวดไทยและสปาจำนวน 3 รุ่นๆละ 50 คน และได้ส่งเสริมการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ 10 ชนิด ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร โหระพา ตระไคร้บ้าน บัวบก บัวหลวง กระเจี๊ยบแดง แฝกหอม กระเพราแดง ขมิ้นชัน มะแว้งเครือ สบู่ดำ
ซึ่งเป็นการปลูกพืชสมุนไพรตามมาตรฐานสากล เพื่อป้อนสู่ขบวนการผลิตอุตสาหกรรมยาทั้งภาครัฐและเอกชน โดยให้ความสำคัญในกระบวนการปลูกสมุนไพรจนถึงการจัดเก็บ, การคัดเลือก, การดูแล , และกระบวนการจัดการทุกขั้นตอน ก่อนได้เป็นวัตถุดิบสมุนไพรที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน , วิเคราะห์และวิจัยสกัดเป็นตำรับยา และนำสู่ภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่อไป และได้พัฒนาวัตถุดิบสมุนไพรต่างๆ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผ่านกระบวนการดูแลคัดสรรคุณภาพอย่างดีเยี่ยมและผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน ด้วยตรามาตรฐานสัญลักษณ์ TDC สัญลักษณ์แห่งมาตรฐานจากศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร กระทรวงสาธารณสุข ที่รับรองสินค้า ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ว่าได้ผ่านตรวจสอบคุณภาพจากศูนย์ฯ เรียบร้อยแล้ว พร้อมการันตรีถึงคุณภาพที่เริ่มกันตั้งแต่มาจากการปลูกพืชสมุนไพรเชิงเกษตรอินทรีย์ ควบคุมการกระบวนการสกัดสมุนไพร การควบคุมกระบวนการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพ ทุกขบวนการเพื่อผลิตภัณฑ์ชุมชนมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสากล
คุณสมนึก สุชัยนาวนิช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ยังได้ให้ความสำคัญในการต่อยอดผลิตภัณฑ์โดยการพัฒนาวัตถุดิบสมุนไพรให้ปรับรูปโฉมเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ (New Pakaging) ที่ทันสมัย เพื่อการแข่งขันในตลาดที่จับกลุ่มลูกค้าผู้รักสุขภาพ ระดับกลางถึงลูกค้าระดับบน คาดว่าผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์ TDC จะสามารถแข่งขันและเติบโตสู่ตลาดสากลได้ไม่ยาก
ทางด้าน นาย ฉัตรชัย สุขสาคร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด บราเธอร์ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้เข้ามาช่วยบริหารด้านการตลาด พัฒนารูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย ภายใต้ตราสินค้า “Herb Club” ที่เน้นการจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ มุ่งประเทศหลักๆ เช่น ญี่ปุ่น ,ยุโรป และอเมริกา เป็นต้น โดยได้นำวัตถุดิบมาจากกระบวนการที่ได้มาตรฐานเริ่มต้นจากการปลูกที่มีคุณภาพของกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดต่างๆ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในระดับ Hi-End โดยจะมีการเปิดศูนย์บริการสินค้า Herb Club ณ บริเวณชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม 2551 นี้จะสามารถเปิดให้บริการแก่ผู้ที่รักสุขภาพได้ใช้บริการอย่างครบวงจร ช่วยหนุนเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรให้มีศูนย์กลางในการติดต่อค้าขายในระดับสากล พร้อมหนุนสินค้าให้ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ทางด้านเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร นาง เสงี่ยม ไม้แป้น หัวหน้ากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ผู้ได้รับเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่น ผู้หญิงเก่งประจำอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า เดิมประกอบอาชีพทำสวนกล้วยหอม แต่ประสบปัญหาราคาตกต่ำขาดทุน แต่ด้วยความใกล้ชิดกับคุณตาคุณยาย ที่มีภูมิปัญญาชาวบ้านในเรื่องสมุนไพรพอสมควร จึงได้ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องสมุนไพรให้ จากจุดนั้นเองจึงได้นำความคิดมาพัฒนาสมุนไพรสู่การสร้างรายได้แทนการทำสวนเกษตรแบบเดิม พร้อมทั้งพัฒนาสูตรสมุนไพร 5 ชนิด ประกอบด้วย ไมยราบ, ใบหม่อน, เตยหอม, ทองพันชั่ง และดอกคำฝอย โดยมีไมยราบเป็นองค์ประกอบหลักในการผลิต “ชาสมุนไพรไทยแท้ ตราแม่บ้าน” สร้างรายได้ให้ตนเอง และส่งเสริมให้คนในชุมชนได้ปลูกพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ และผลักดันให้เกิด “กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรป่าโมกพัฒนา” ปัจจุบันมีสมาชิก 34 คน ที่รวมตัวกันปลูกและพัฒนาสมุนไพร เช่น ชาใบหม่อน, ลูกประคบสมุนไพร, สมุนไพรขัดตัวและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการให้คำแนะนำช่วยเหลือจากศูนย์ TDC โดยปัจจุบันมีการจัดเก็บวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานดีขึ้นกว่าเดิมมาก และทางศูนย์ฯ ยังได้มอบโรงตากพลังงานแสงอาทิตย์โดยมีพลังงานสำรองเป็นระบบแก็สอินฟาเรด เพื่อสามารถให้ชุมชนสามารถจัดการวัตถุดิบให้แห้งได้ตลอดฤดูกาล และยังมอบถุงกระสอบสานพร้อมเครื่องเย็บ ทำให้การจัดเก็บวัตถุดิบสมุนไพรมีคุณภาพดี
ส่วนทางด้านนางสงัด พรมเมศ หัวหน้า “กลุ่มอาชีพสมุนไพรรำมะสัก” ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ผู้ได้รับการส่งเสริมจากศูนย์ TDC กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันกลุ่มฯ มีสมาชิกประมาณ 50 คน ได้ส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพรไว้หลากหลายชนิด อาทิเช่น ไมยลาบ, ข้าวหอมนิล,ว่านหางจระเข้, เสลดพังพอน , ใบส้มป่อย ขิงและข่า เป็นต้น โดยเฉพาะการปลูกข่า ซึ่งถือว่า ตำบลรำมะสัก เป็นแหล่งที่มีการปลูกข่ามากที่สุดในโลก นอกจากนี้ทางกลุ่มยังได้พัฒนาสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น แชมพู, ครีมอาบน้ำ, สบู่ , สมุนไพรขัดตัว , ยาสีฟัน , ลูกประคบ เป็นต้น โดยมีลูกค้าเข้ามาสั่งสินค้าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกประคบที่มียอดสั่งซื้อมาก สร้างรายได้เข้ากลุ่มกว่า 1.5 ล้านบาทต่อเดือน มีทั้งลูกค้าในประเทศไทยและต่างประเทศ จึงเล็งเห็นว่าการเน้นเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีตั้งแต่กระบวนการปลูกแล้ว สินค้าก็จะมีคุณภาพดีไปด้วย
อ.สมนึก กล่าวส่งท้ายว่า ทางศูนย์ฯ ยังคงให้การส่งเสริมแก่เกษตรกรในการปลูกสมุนไพรและช่วยพัฒนามาตรฐานต่อไป โดยปัจจุบัน ทางศูนย์ฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยมีพันธมิตรร่วม ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตยาสมุนไพร และบริษัท เครื่องหอมไทย-จีน จำกัด นอกจาก การพัฒนายาตำรับแล้ว ศูนย์ TDC ยังทำงานแบบครบวงจร คือส่งเสริมให้ปลูก พร้อมช่วยจัดหาผู้ซื้อผลักดันให้เกิดการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีวิวัฒนาการและรูปแบบที่ทันสมัย พร้อมเป็นสื่อกลางในการประสานงานระหว่างกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร และบริษัทฯ ผู้บริหารงานด้านการตลาด เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรมีช่องทางสร้างอาชีพในแบบมั่นคงและยั่งยืน / อ.สมนึก กล่าวส่งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการฯ
นาย ชานนท์ เครือด้วง (ปุ๊กปิ๊ก)
โทรศัพท์ 084-6767-066

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO