กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
3 โบรกเกอร์ชั้นนำมอง SYNNEX แนวโน้มผลประกอบการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามทิศทางของอุตสาหกรรม ให้ราคาเหมาะสมในกรอบ 3.38-4.27 บาท/หุ้น เผยใช้วิธีเทียบกับหุ้นในมีธุรกิจใกล้เคียงและอยู่ในกลุ่มเดียวกัน อิงการเติบโตของผลกำไรในปี 2008 และ 2009 โดย บล.บีฟิท มองผลกำไรปี 2008-2009 เติบโต 21.3% และ 30.0% ให้ราคาเหมาะสมที่ 4.00-4.27 บาท/หุ้น ขณะที่ บล.สินเอเซีย ให้ราคาเหมาะสม 3.38 บาท/หุ้น และ บล.แอ๊ดคินซัน ให้ราคาเหมาะสม 3.60 บาท/หุ้น
บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท มีบริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ในเดือน พฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายภายในไตรมาส 2/2551
บทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินแนวโน้มรายได้สำหรับงวดปี 2008 และ2009 ของ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) จะขยายตัว 14.4% และ 13.8% เป็น 12,347 ล้านบาท และ 14,054 ล้านบาท ตามลำดับ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายฐานลูกค้า จากการขยายสาขาผ่านระบบ Franchise และการรุกตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเสร็จและกึ่งเสร็จ ในขณะที่ประเมินกำไรจากการดำเนินงานที่ 170 ล้านบาท และ 221 ล้านบาท ในปี 2008 และ 2009 ซึ่งคิดเป็นอัตราการขยายตัว21.3% และ 30% ตามลำดับ
พร้อมกันนี้ได้ประเมินราคาที่เหมาะสมโดยใช้ Free cash flow to the firm model (FCFF) ได้ราคาเหมาะสมที่ 4.27 บาท ในขณะที่ประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้วิธี Prospective P/E โดยพิจารณากรอบ P/E ของกลุ่ม ICT และบริษัทฯในธุรกิจที่ใกล้เคียงกันเช่น IT ที่ระดับ 14-17 เท่า โดยได้พิจารณา Upper Band ใกล้เคียงกรอบบนที่ระดับ 16 เท่าเพื่อสะท้อนการเติบโตของผลกำไรในปี 2008 และ 2009 ที่จะเติบโต 21.3% และ 30.0% ตามลำดับ จะได้ระดับราคาเหมาะสมที่ 4.00 บาท ดังนั้น จึงได้ค่าเฉลี่ยจาก 2 วิธีดังกล่าวในกรอบ 4.00 — 4.27 บาท
บทวิเคราะห์ระบุว่า บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้ามากกว่า 50 ตราสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำของโลกผ่านเครือข่ายฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่า5,000 ราย ด้วยระบบ Supply Chain ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายร้านค้าปลีกและค้าส่ง โดยจุดแข็งของบริษัทฯ อยู่ที่ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอแบบครบวงจร และบริการสั่งซื้อสินค้าและบริการหลังการขายที่รวดเร็ว ทำให้ฐานลูกค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด ระบุว่า บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ในปี 2549 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ในปี 2550 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าทางการตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนทางการตลาดประมาณร้อยละ 7 -8 ของมูลค่าตลาดโดยรวม มีสาขาทั้งหมด 19 สาขา กระจายอยู่ทุกภูมิภาค ครอบคลุม 15 จังหวัด และ จะทำการขยายร้านค้าในชื่อ “CNEX Shop” จำนวน 250 สาขา ภายในปี 2555
สำหรับมูลค่าตลาดรวมปี 2550 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยมีการขยายตัวร้อยละ 11.22 จากปี 2549 คาดการณ์อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2550-2554 เฉลี่ยปีละประมาณร้อยละ 9.9 โดย บริษัทมีการเติบโตด้านรายได้ในทิศทางเดียวกับภาวะอุตสาหกรรม เฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ต่อปี คาดรายได้ และกำไรขั้นต้นปี 2551 เพิ่มขึ้น 12.7% และ 17.8% ตามลำดับ
ทั้งนี้ บล. สินเอเชีย คาดว่าบริษัทจะรายงานยอดรายได้ปี 2551 ที่ 11,219 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12.7% YoY ขณะที่กำไรขั้นต้นปี 2551 คาดว่าจะรายงานที่ 821 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17.8% YoY ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และการจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้คาดว่าจะรายงานกำไรปกติของผลการดำเนินงานปี 2551 ที่ 183 ล้านบาทเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 31.1% ประเมินมูลค่าด้วยวิธีการเฉลี่ยจากวิธี P/E Ratio (11.7x), P/BV Ratio (1.6x), DCF (WACC 9.4%), EV/EBITDA (9x) ได้ราคาเป้าหมายปี 2551 ที่ 3.38 บาท และประเมินอัตราเงินปันผลจ่ายตามนโยบายขั้นต่ำที่ 40% ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2551 จะอนุมัติจ่ายเงินปันผลที่ 0.11 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 4.0% โดยเปรียบเทียบจากราคา IPO
บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) โดดเด่นที่ยอดขายจากการนำสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 16% โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ามากมาย และยังมีสินค้าภายใต้ยี่ห้อตัวเองได้แก่ Lemel และล่าสุดได้มีการเปิดตัวสินค้าอุปกรณ์พกพา(PDA Phone + GPS) ยี่ห้อ Mio ทำให้จะยังคงรักษาความสามารถในการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ ทาง NECTECประเมินไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 6.8%
ทั้งนี้ SYNNEX มีระบบการจัดการจัดการ Logistics ที่รวดเร็ว โดยปีที่ผ่านมาทาง บริษัทได้มีการลงทุนในส่วนของการก่อสร้างคลังสินค้าใหม่ที่มีการจัดระบบและบริหารสินค้าโดยอัตโนมัติ(ASRS)ในบริเวณคลังสินค้าที่รามอินทราซึ่งถือเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในกลุ่มผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในประเทศประกอบกับการมีคลังสินค้าที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศทำให้สามารถจัดส่งสินค้าให้ทางลูกค้าได้อย่างรวดเร็วซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างจากบริษัทในตลาด
นอกจากนั้น SYNNEX ยังมีแผนการขยาย CNEX Shop ให้ครบ 20 สาขา โดยในปัจจุบันมีจำนวนสาขา CNEX Shop ซึ่งเป็นระบบแฟรนไชส์ ทั้งหมดจำนวน 10 สาขาและตั้งเป้าว่าจะขยายให้ครบ 20 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในสินค้าที่มี Margin สูง ซึ่ง บล. แอ๊ดคินซัน มองว่าในระยะยาวแล้วทางบริษัทอาจมีการเก็บค่า Franchise ในส่วนนี้ โดยได้ประเมินสัดส่วนกำไรจากร้าน CNEX Shop ในปีนี้จะอยู่ที่ 16-18% ของรายได้รวม
บล. แอ๊ดคินซัน ประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio ที่ 12 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระหว่าง IT City และ SIS ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 3.60บาทจากรายได้และกำไรปี 2008 ที่ 12,069 และ 188 ล้านบาทตามลำดับโดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจาก 1) การขยายตลาดในสินค้า House Brand ยี่ห้อ “Lemel” โดยรายได้ในส่วนนี้อยู่ที่ 600-700 ล้านบาท 2) การขยายร้าย CNEX Shop 3) การลดลงของดอกเบี้ยจ่าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สิริน วิวัฒนเจริญพงศ์ 02-5549353 / 089-7286389