กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--บ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2551 (1 มกราคม 2551 — 31 มีนาคม 2551) มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 2,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 880 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 74 มาจากผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ดีขึ้น เนื่องจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดในภูมิภาค
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการการเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นเป็น 49.39 เหรียญสหรัฐต่อตันเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากไตรมาส 4 ปี 2550 ซึ่งราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนถึงสัญญาซื้อขายถ่านหินของบริษัทฯ ที่ปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มราคาตลาดถ่านหินในภูมิภาค นอกจากนี้ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินคุณภาพดี จาก เหมืองอินโดมินโค และเหมืองทรูบาอินโด ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีสัดส่วนสูงขึ้นเป็นร้อยละ 78 ของปริมาณการจำหน่ายถ่านหินทั้งหมดในไตรมาสนี้ ที่มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินทั้งสิ้น 4.54 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากงวดเดียวกันของปี 2550 แต่ลดลงร้อยละ 10 จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนของอินโดนีเซีย
สำหรับรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีจำนวน 7,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,786 ล้านบาท หรือร้อยละ 31จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87 ของรายได้จากการขายรวมซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 8,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,937 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้รายได้จากการจำหน่ายถ่านหินแบ่งเป็นรายได้จากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 7,393 ล้านบาท และ จากเหมืองถ่านหินในประเทศไทย 143 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวน 1,076 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของรายได้จากการขายรวม
“ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านั้น การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ได้ดำเนินไปด้วยความราบรื่นตามความต้องการไฟฟ้าที่สูงในช่วงต้นปี ส่งผลให้การรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีจำนวน 1,425 ล้านบาทในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา (ซึ่งรวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 504 ล้านบาท) ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีนของบริษัท Banpu Power (China) Investment หรือ BPIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ มีผลประกอบการที่ลดลงเนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้ายังไม่ได้มีการปรับตามราคาถ่านหินที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิจาก BPIC ในไตรมาสนี้มีจำนวน 85 ล้านบาท” นางสมฤดีกล่าว
นางสมฤดีกล่าวอีกว่า ต้นทุนการขายรวมของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากการเพิ่มระดับความลึกในการทำเหมืองถ่านหิน และราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนต้นทุนผันแปรที่ปรับตามปริมาณขายถ่านหินคุณภาพดีที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหินในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินในปีนี้ที่ 20 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ในขณะที่ผลผลิตจากเหมืองถ่านหินในไทยจะลดลงเหลือเพียงประมาณ 5 แสนตันเนื่องจากเหมืองใกล้จะปิดตัวลง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงคาดการณ์ว่ารายได้จากการขายรวมในปีนี้จะมีการเติบโตอันเป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน
บ้านปูฯ เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นนำของภูมิภาคเอเชียที่ดำเนินธุรกิจหลักด้านการทำเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง มีฐานการผลิตอยู่ใน 3 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และจีน โดยฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 62,704 ล้านบาท ลดลง 2,347 ล้านบาท หรือร้อยละ 4 มีหนี้สินรวมจำนวนทั้งสิ้น 22,393 ล้านบาท ลดลง 4,161 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 สำหรับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551เท่ากับ 0.13 เทียบกับ 0.14 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ส่วนกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทฯ เท่ากับ 7.63 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 4.39 บาทต่อหุ้นของงวดเดียวกันในปีที่ผ่านมา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
คุณเหมือนฝัน เชื้อเอี่ยม
สายสื่อสารองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บมจ. บ้านปู
โทร. 02-694-6783 หรือ 083-244-4554
- พ.ย. ๒๕๖๗ บ้านปู ฉลองครบรอบ 40 ปี มุ่งสู่อีกขั้นของการส่งมอบ "อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน"
- พ.ย. ๔๐๐๕ บ้านปู มอบรางวัลอัดฉีดแก่ทัพช้างศึก ตอบแทนนักกีฬาที่ได้สร้างความสุขให้คนไทย หลังคว้าแชมป์อาเซียน รายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020
- พ.ย. ๒๕๖๗ บ้านปู เปิดจองหุ้นกู้ระหว่าง 30 ก.ค.และ 2-3 ส.ค.นี้ เคาะอัตราดอกเบี้ย 2.90-3.80% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี พร้อมเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป