กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--มาร์เก็ต-คอมม์
เอ็กโก กรุ๊ป แถลงผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2550 เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 ส่งผลให้รายได้ไตรมาสนี้อยู่ในเกณฑ์ดี
นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2551 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 2,531 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากกิจการร่วมค้าโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 โรงที่ 1 และ 2 ที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 และกุมภาพันธ์ 2551 ตามลำดับ
“เอ็กโก กรุ๊ป ยังมุ่งเน้นแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม กัมพูชา และพม่า โดยมีสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ 30% และลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศ 70% เพื่อสร้างความเติบโตให้กับบริษัทมากขึ้นในอนาคต โดยบริษัทฯ ได้ยื่นซองประมูลรอบแรกโครงการรับซื้อไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน NGHI SON 2 ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายการลงทุนรองรับการเติบโตของรายได้ ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป จะร่วมลงทุนกับ บริษัท วันเอ็นเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด และบริษัทคู่ค้าในประเทศเวียดนาม โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25:60:15 ตามลำดับ”
“ด้านการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว นั้น ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ อยู่ระหว่าง การก่อสร้าง 1 โครงการ และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า น้ำเทิน 2 ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ 85% สามารถเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปี 2552 โครงการโรงไฟฟ้าน้ำอู อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ร่วมทุนซึ่งประกอบด้วยบริษัท ชิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น จากจีน และ Lao Holding State Enterprise เพื่อศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ในการลงทุน เบื้องต้นคาดว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 ขณะที่จีนและลาวอยู่ที่ร้อยละ 75 และ 5 ตามลำดับ ส่วนความคืบหน้าโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปลายปีนี้ เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2552 และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2557 หรือต้นปี 2558” นายวิศิษฎ์ กล่าว
นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เอ็กโก กรุ๊ป ยังมุ่งเน้นลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงและพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ เช่น พลังงานลม ขยะ และชีวมวล เพื่อสนับสนุนนโยบายการกระจายเชื้อเพลิง ป้องกันการกระจุกตัวของเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าด้วย โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC เพื่อศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายเล็ก (SPP) ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง เอ็กโก กรุ๊ป ปตท. และทีอาร์ซี ร้อยละ 35:35:30 ตามลำดับ ทั้งนี้ หากผลการศึกษามีความเป็นไปได้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีนี้” นายวิศิษฐ์ กล่าวในที่สุด
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นหลักของเอ็กโก กรุ๊ป ได้แก่ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 25.41 บริษัท วันเอ็นเนอร์จี้ ประเทศไทย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 22.42 และนักลงทุนในและต่างประเทศ ถือหุ้นรวมร้อยละ 52.17
ข้อมูลเกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป:
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer - IPP) แห่งแรกของไทย ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในรูปแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้ระบบการกำกับกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อรักษาดุลยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,876 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 14 แห่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วิไลพร สุอังคะ โทร. 08 1173 8233
สราวุธ บูรพาพัฒน์ โทร. 08 9897 8242
บริษัท มาร์เก็ต-คอมม์ จำกัด
โทรสาร: 0 2575 2418
ศิริวรรณ จิรวิสิฐกุล
ฝ่ายสื่อสารองค์กร เอ็กโก กรุ๊ป
โทร: 0 2998 5137, 08 1240 6798
โทรสาร: 0 2955 0956 ต่อ 5137